วันที่ 26 ส.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากการตรวจสอบการนำเข้ารถยนต์หรูของ พ.ต.อ.ธิติสรรค์ อุทธนผล หรือ ผกก.โจ้ ของกรมศุลกากร พบว่า รถยนต์หรูทั้ง 29 คัน ตามที่เป็นข่าว พบว่า มี 5 คัน มีใบขนนำเข้ามาถูกต้อง เช่น มินิคูเปอร์ เบนซ์ ปอร์เช่ และมาจากการประมูล 1 คัน คือ โตโยต้า ที่เหลืออยู่ระหว่างตรวจสอบในรายละเอียดเพิ่มเติม ยังไม่สามารถยืนยันได้ว่าเป็นรถนำเข้า หรือรถในประเทศ

นอกจากนี้ กรมศุลกากรยังได้ขยายผลในการเข้าไปตรวจสอบรถยนต์ที่มีชื่อ พ.ต.อ.ธิติสรรค์ เป็นผู้ครอบครอง พบว่า มีจำนวน 13 คัน ในจำนวนนี้มีใบขนถูกต้องจำนวน 5 คัน เช่น โฟล์ค ปอร์เช่ และมีรถที่มาจากการประมูล 2 คัน คือ ปอร์เช่ เบนท์ลีย์ หลังจากนี้กรมศุลกากรจะประสานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ ดีเอสไอ เพื่อเข้าตรวจสอบและขยายผลต่อเนื่องว่าเป็นรถที่ถูกต้องหรือไม่ มีการชำระภาษีที่ถูกต้องหรือเปล่า เพื่อดำเนินการตามกฎหมายในแต่ละขั้นตอนต่อไป

ด้านนายพชร อนันตศิลป์ อธิบดีกรมศุลกากร กล่าวว่า จากการตรวจสอบของกรมศุลกากรพบว่า ตั้งแต่ปี 54-63 พ.ต.อ.ธิติสรรค์ เป็นเจ้าของสำนวนคดีนำจับเพื่อส่งรถให้กับกรมศุลกากรในการขายทอดตลาด รวมทั้งสิ้น 368 คัน ซึ่งสามารถประมูลขายไปแล้ว ทั้งสิ้น 363 คัน ซึ่งยังค้างอยู่อีก 5 คัน ที่ขายไม่ได้ ส่วนกรณีการครอบครองรถจำนวน 29 คันของ ผกก.โจ้ ตามที่เป็นข่าว จากการตรวจสอบจากใบนำขน พบว่า มาจากการประมูล 1 คัน และนำเข้ามาบางส่วน ส่วนอีก 13 คันที่มีชื่อของ ผกก.โจ้ ครอบครองนั้น พบว่า มีการนำเข้ามาจาก ตปท. 5 คัน และมาจากการประมูล 2 คัน ในปี 55 และปี 58

สำหรับรถยนต์ที่มีการจับกุมอยู่สำนวนของ ผกก.โจ้ และมีการนำออกประมูลขายทอดตลาด 363 คันนั้น รวมเป็นเงินประมาณ 1,000 ล้านบาท จากราคากลางประมาณ 516 ล้านบาท โดยตามกฎหมายเดิมของกรมศุลกากรก่อนปี 60 จะมีการแบ่งเงินสินบนให้กับสายข่าวต่าง ๆ ในอัตรา 30% และแบ่งให้ 25% สำหรับเงินรางวัลนำจับที่จัดสรรให้กับผู้นำจับ ซึ่งต้องนำไปหักกับค่าใช้จ่ายในการดำเนินคดีจนถึงสิ้นสุด รวมทั้งทีมนำจับก็ต้องจัดสรรแบ่งเฉลี่ยให้กับทีมนำจับและผู้ที่เกี่ยวข้อง โดยไม่ใช่จัดสรรให้กับเจ้าของสำนวนคดีทั้ง 25% เต็มคนเดียว อย่างไรก็ตามตามกฎหมายใหม่ตั้งแต่ปี 60 เป็นต้นมา ได้กำหนดให้เงินสินบน 20% และเงินรางวัลนำจับ 20% แต่รวมกันแล้วต้องไม่เกินคันละ 5 ล้านบาท

นายพชร กล่าวเพิ่มเติมด้วยว่า ส่วนกรณีที่มีกระแสข่าวว่า ผกก.โจ้ ได้ให้เครื่องถ่ายเอกสาร และเครื่องใช้สำนักงาน รวมถึงเงินต่างๆ กับกรมศุลกากร นั้นขอยืนยันว่า ไม่เป็นความจริงแต่อย่างใด