“โดรน” หรือ “อากาศยานไร้คนขับ” ในปัจจุบัน ได้ถุกนำมาใช้งานอย่างแพร่หลายในหลายอุตสาหกรรม ทั้งภาคธุรกิจ ไปจนถึง เรื่องความมั่นคงทางการทหาร!!
สำหรับในไทยก็เริ่มถูกนำมาใช้งานเพิ่มมากขึ้นเช่นกัน แต่ส่วนใหญ่ ต้องนำเข้ามาจากต่างประเทศ แต่ในปัจจุบันรู้หรือไม่ว่าคนไทยก็สามารถผลิต “โดรน” ได้เอง เพื่อนำมาใช้งานในภาคเกษตร!?!
วันนี้จะพามารู้จักกับ “ไฮฟ์กราวนด์” บริษัท เทค สตาร์ทอัพ สัญชาติไทยที่มีความเชี่ยวชาญ ในเรื่องผลิตโดรน และหุ่นยนต์
“ดร.มหิศร ว่องผาติ” ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและผู้ก่อตั้ง บริษัท ไฮฟ์กราวนด์ จำกัด บอกว่า จุดเริ่มที่มาทำเทค สตาร์ทอัพ เกี่ยวกับหุ่นยนต์และโดรนนั้น เริ่มมาจากสมัยเรียนในระดับมหาวิทยาลัย ได้เป็นตัวแทนไปแข่งขันหุ่นยนต์ชิงแชมป์โลก หรือ โรโบคัพ เมื่อเกือบ 20 ปี ที่แล้ว และได้แชมป์โลกในการแข่งขันที่ สาธารณรัฐประชาชนจีน เมื่อปี 2008 หรือ พ.ศ. 2551 เมื่อเรียนจบระดับปริญญาตรี เพื่อนๆ ในทีมต่างแยกย้ายกัน ไปเรียนต่อต่างประเทศ จนจบกลับมาไทย

และด้วยความชื่นชอบในเรื่องนี้จึงร่วมกับเพื่อนตั้งบริษัทขึ้นมา จนเติบโตจากเอสเอ็มอีมาเป็นสตาร์ทอัพ สาย AgTech หรือ ธุรกิจเทคโนโลยีการเกษตร จนปัจจุบันมีวิศวกรและทีมงานประมาณ 100 คน มีการพัฒนา โดรน ขึ้นเอง ในชื่อ “ไทเกอร์โดรน” ที่คิดค้น ออกแบบ พัฒนา และผลิตโดยคนไทย เพื่อยกระดับมาตรฐานเทียบเท่าระดับสากล
และเมื่อปลายปี 2564 ก็ได้รับเงินจากนักลงทุนในระดับซี่รีย์ บี โดยมี “ทรูดิจิตอล” เป็นผู้นำในการลงทุนครั้งนี้ จนปัจจุบันสามารถเปิด โรงงานผลิตโดรนขึ้นมา ซึ่งตั้งอยู่ อ.บางเลน จ.นครปฐม
“ดร.มหิศร” บอกว่า ปัจจุบันได้ผลิตโดรนเพื่อใช้ทางการเกษตรออกมา 2 รุ่น โดยใช้ชิ้นส่วนในประเทศกว่า 60% นำเข้าชิ้นส่วนที่ไม่มีไทย 40 % และนำมาประกอบโดยคนไทยที่โรงงานทั้งหมด โดยหวังที่จะ นำเทคโนโลยีดิจิทัล ยกระดับภาคเกษตรกรรมไทย ซึ่งเป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมหลักของประเทศซึ่งปัจจุบันโดรนเพื่อการเกษตรกำลังเป็น ที่ต้องการในตลาดและเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ซึ่งบริษัท ถือเป็นผู้เชี่ยวชาญ “ดีฟเทค” ที่นอกจากผลิตโดรนและหุ่นยนต์ ได้เองแล้วยังสามารถพัฒนาโปรแกรมและแอพพลิเคชั่นในการใช้ควบคุมโดรนและหุ่นยนต์ได้เองด้วย

อาทิ ระบบ Smart Planning ระบบวางแผนเส้นทางการบิน ที่มีความแม่นยำสูง พัฒนา แอปพลิเคชัน HiveGround Mission Control (HGMC) ด้วยเมนูภาษาไทย สามารถแสดงค่าพื้นที่และหน่วยวัด ต่างๆตามการใช้งาน และสามารถบินทำงานพร้อมกันได้หลายตัว ด้วยระบบการบินอัตโนมัติ แจ้งเตือนสิ่งกีดขวาง ด้วยภาพและเสียง พร้อมระบบเบรกอัตโนมัติ
นอกจากนี้ยังมีฟังก์ชันการใช้งานที่หลากหลายที่พัฒนาเพื่อเกษตรกรโดยเฉพาะ อาทิ โหมดโชยรวง ที่ช่วยให้ผลผลิตการเกษตรไม่เสียหายจากการบินโดรน, โหมดกันข้าวไหม้ ที่ช่วยให้การฉีดพ่นเป็นไปได้ อย่างสม่ำเสมอไม่มากเกินไป เป็นต้น
ผู้บริหารของ ไฮฟ์กราวนด์ บอกต่อว่า การนำ เทคโนโลยีมาใช้ในการเกษตรจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการบริหาร จัดการฟาร์มเกษตรพืช ประหยัดเวลา ลดค่าใช้จ่าย ได้คุณภาพและปริมาณผลผลิตสูงได้สูงขึ้น

“ปัจจุบันอุตสาหกรรมเกษตรของไทย มีปัญหาเรื่องขาดแคลนแรงงานเนื่องจากการเข้าสู่สังคมสูงวัย ลุกหลานไม่อยากสืบทอดต่อ และการขยายตัวของเมืองทำให้มีการย้ายถิ่นฐานของแรงงาน รวมถึงการเพิ่มขึ้นของค่าแรง และ การฉีดพ่นสารเคมีทางการเกษตร อาจนำไปสู่ปัญหาสุขภาพของผู้ปฏิบัติงาน ซึ่งนับเป็นแรงกดดันที่สำคัญในการเร่งความต้องการใช้งานโดรนทางการเกษตรให้เร็วขึ้น”
“ดร.มหิศร” ได้บอกถึงสถิติการใช้โดรนการเกษตรของ สำนักงาน กสทช. เพื่อฉายภาพให้เห็นชัดขึ้นว่า ในช่วงปี 63-65 ที่ผ่านมา โดรนการเกษตรมีอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้นประมาณปีละ 200% และจากแนวโน้มการเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องเช่นนี้ คาดว่าตลาดโดรนการเกษตรในปี 66 จะมีอัตราการเติบโตใกล้เคียงกับปีก่อน ซึ่งคาดว่าจะมีจำนวนโดรนเพิ่มขึ้นอีกประมาณ 10,000 ลำ หรือคิดเป็นมูลค่าตลาดรวมมากกว่า 3,000 ล้านบาท และยังคงมีแนวโน้มความต้องการใช้งานที่เติบโตสูงขึ้นต่อไป สำหรับในส่วนบริษัท ก็ตั้งเป้หมายว่าในปีนี้จะสามารถทำยอดขายได้ไม่ต่ำกว่า 500 ตัว หรือ 5%

อย่างไรก็ตาม จากที่บริษัทเป็นสตาร์ทอัพ ก็มีแผนขยายธุรกิจไปยังต่างประเทศด้วย โดยตอนนี้ได้เริ่มประเทศฟิลิปินส์ แล้ว นอกจากนี้ ยังมองในประเทศเพื่อนบ้าน คือ ลาว กัมพูชา และเวียดนาม ด้วยในอนาคต
ถือเป็นอีกหนึ่งสตาร์ทอัพคนไทยที่น่าจับตามอง เป็นการนำ “ดีพ เทค” มาช่วยพัฒนาภาตอุตสาหกรรมเกษตรของไทยให้ยกระดับขึ้นไปอีกขั้น!!
จิราวัฒน์ จารุพันธ์