เมื่อวันที่ 8 มี.ค. ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ต.ปิยะอนันต์ โตสกุลวงศ์ ผบก.ตม.1, พ.ต.อ.กาจภณ ปฐมัง ผกก.สืบสวน บก.ตม.1, พ.ต.ท.ชยุต นิลประเสริฐ รอง ผกก.สืบสวน บก.ตม.1 สั่งการให้ ว่าที่ พ.ต.ต.ปิยะณัฐ รัตนเพียร, ว่าที่ พ.ต.ต.ภัทรโชติ ฉัตรทวีศักดิ์ สว.กก.สืบสวน บก.ตม.1 พร้อมเจ้าหน้าที่ ตม.จว.เพชรบุรี บก.ตม.3 พร้อมชุดสืบสวน ร่วมกันจับกุม นายซาน วิน อายุ 48 ปี ผู้ต้องหาชาวเมียนมา พร้อมของกลางเป็นหนังสือเดินทางระบุชื่อของเพื่อนร่วมชาติชาวเมียนมา และเอกสารใบรับแจ้งอยู่เกินกว่า 90 วัน ของบุคคลต่างด้าว รวมทั้งสิ้น 13 รายการ โดยจับกุมได้ที่ริมถนนภายในซอยพระยามนธาตุฯ แยก 23 แขวงบางบอนเหนือ เขตบางบอน กรุงเทพฯ
สืบเนื่องจากเจ้าพนักงานตรวจคนเข้าเมืองได้รับแจ้งจากสายลับว่า มีคนต่างด้าวรับเป็นนายหน้า เพื่อดำเนินการขออยู่ต่อในราชอาณาจักร หรือดำเนินการใดๆ เกี่ยวกับการแจ้งที่พักอาศัยของคนต่างด้าวปลอม อยู่บริเวณย่านบางบอน เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมจึงได้วางแผนให้สายลับทำทีติดต่อกับคนต่างด้าวดังกล่าว เพื่อขอให้ดำเนินการเกี่ยวกับการแจ้งที่พักอาศัยเกินกว่า 90 วัน ต่อมาจึงได้นัดหมายพูดคุยเพื่อนำเอกสารของสายลับไปดำเนินการแจ้งที่พักอาศัยเกินกว่า 90 วัน ที่บริเวณริมถนนภายในซอยพระยามนธาตุฯ แยก 23 เมื่อถึงเวลานัดหมาย ก็พบนายซาน วิน ได้เข้ามาพูดคุยกับสายลับ แต่ทันใดนั้นนายซาน วิน เหมือนจะรู้ตัว และแสดงอาการคล้ายจะหลบหนี เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมจึงได้แสดงตนเป็นเจ้าพนักงานตรวจคนเข้าเมือง และจับกุมไว้ทันที

ทั้งนี้นายซาน วิน ได้แสดงหนังสือเดินทางให้กับเจ้าหน้าที่ตรวจสอบ แต่ไม่สามารถแสดงใบอนุญาตทำงานได้ อีกทั้งเมื่อตรวจสอบในกระเป๋าสะพายของผู้ต้องหา ก็พบใบรับแจ้งอยู่เกิน 90 วัน ซึ่งเจ้าหน้าที่พบพิรุธบนเอกสารดังกล่าว คือบริเวณชื่อเจ้าหน้าที่ผู้รับแจ้งที่พักอาศัย มีลักษณะการใช้ตรายางประทับแทนการพิมพ์ผ่านระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งแตกต่างจากส่วนอื่นๆ ในใบรับแจ้งที่พักอาศัย และเมื่อทำการตรวจสอบโดยละเอียดก็พบว่า เจ้าหน้าที่ผู้รับแจ้งเป็นข้าราชการตำรวจสังกัด กก.2 บก.ตม.1 ซึ่งเกษียณอายุราชการไปแล้วเป็นเวลากว่า 3 ปี จึงเชื่อได้ว่าเป็นเอกสารที่ทำปลอมขึ้น
จากนั้นจึงได้นำตัวนายชาน วิน ไปยังห้องพักไม่มีเลขที่ภายในซอยท่าข้าม 13 แขวงท่าข้าม เขตแสมดำ กรุงเทพฯ เพื่อทำการตรวจค้นสถานที่ซึ่งเปิดเป็นที่รับเอกสารของคนต่างด้าว เพื่อดำเนินการเกี่ยวกับการอยู่ในราชอาณาจักรและการแจ้งที่พักอาศัยของคนต่างด้าว จากการตรวจค้นพบเอกสาร พบเอกสารบัตรประจำตัวคนซึ่งไม่มีสัญชาติไทย ใบอนุญาตทำงาน และเอกสารอื่นที่เกี่ยวข้องกับการอยู่ในราชอาณาจักร และการทำงานของคนต่างด้าว และยังพบภาพถ่ายของเจ้าหน้าที่ตำรวจในเครื่องแบบ
จากการสอบสวนนายซาน วิน ให้การภาคเสธ โดยรับสารภาพว่า เป็นนายหน้านำเอกสารการเดินทางของคนต่างด้าวไปดำเนินการเกี่ยวกับการแจ้งที่พักอาศัยจริง แต่ในส่วนการปลอมและใช้เอกสารราชการปลอมนั้น ขอปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา และผู้ต้องหายังให้การเพิ่มเติมว่า ได้นำเอกสารการเดินทางของคนต่างด้าวไปดำเนินการแจ้งที่พักอาศัย โดยอ้างว่า ใช้วิธีให้คนไทยชื่อนายทวีศักดิ์ (ไม่ทราบชื่อและนามสกุลที่แท้จริง) มารับเอกสารการเดินทางตอนเช้า ซึ่งตัวนายซาน วิน ก็ไม่มีหมายเลขโทรศัพท์ติดต่อและภาพถ่ายของนายทวีศักดิ์แต่อย่างใด ส่วนภาพถ่ายเจ้าหน้าที่ตำรวจที่พบในที่เกิดเหตุ นายซาน วิน ให้การว่า ภาพถ่ายเจ้าหน้าที่ตำรวจดังกล่าว ใช้ในการอ้างกับคนต่างด้าวที่มาใช้บริการกับตน เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือว่าตนสามารถดำเนินการต่างๆ เกี่ยวกับการอยู่ในราชอาณาจักร และการแจ้งที่พักอาศัยของคนต่างด้าวตามที่กล่าวอ้างได้จริง

เบื้องต้นตำรวจแจ้งข้อหา “เป็นคนต่างด้าวทำงานโดยไม่มีใบอนุญาตทำงาน หรือทำงานเหนือสิทธิที่จะกระทำได้ และปลอมและใช้เอกสารราชการปลอม” จากนั้นจึงได้นำตัวพร้อมหลักฐานส่งพนักงานสอบสวน สน.ท่าข้าม เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
สำหรับการดำเนินการดังกล่าวเป็นไปตามข้อสั่งการของ พล.ต.ท.ภาคภูมิพิพัฒน์ สัจจพันธุ์ ผู้บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ที่มีคำสั่งให้ทุกหน่วยงานในสังกัด สตม. ดำเนินการออกระดมกวาดล้างอาชญากรรมประเภทต่างๆ ในแต่ละพื้นที่รับผิดชอบ โดยเฉพาะการอยู่ในราชอาณาจักรเกินกำหนด (overstay) รวมถึงการสืบสวนหาข่าวคนต่างด้าวที่มีพฤติการณ์หลบหนีเข้าเมือง การอยู่ในราชอาณาจักรโดยการอนุญาตสิ้นสุด การกระทำความผิดที่มีโทษทางอาญา ผู้ที่มีหมายจับศาลไทยหรือหมายจับต่างประเทศ
หากประชาชนพบเห็นเบาะแสการกระทำความผิด แจ้งได้ที่สายด่วน 1178 หรือที่ www.immigration.go.th หรือที่ บก.ตม.1 ได้ทันที.