เมื่อวันที่ 9 มี.ค. นายเศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้ว่าการ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) หรือแบงก์ชาติ ได้นำทีมแถลงชุดมาตรการจัดการภัยทุจริตทางการเงิน เพื่อกำหนดเป็นมาตรฐานขั้นต่ำที่ทุกสถาบันการเงินต้องปฏิบัติตามใน 3 เรื่อง ได้แก่ 1.มาตรการป้องกัน 2.มาตรการตรวจจับและติดตามบัญชี หรือธุรกรรมต้องสงสัย และ 3.มาตรการตอบสนองและรับมือ โดยบางมาตรการธนาคารต่าง ๆ ได้เริ่มดำเนินการแล้ว และระบบทั้งหมดจะต้องทำให้เสร็จสิ้นภายในเดือน มิ.ย. 66 นี้

หนึ่งในมาตรการที่เป็นที่สนใจมากที่สุด คือ การยืนยันตัวตนด้วยไบโอเมตริก (biometrics) เช่น การสแกนใบหน้า ที่ได้เคยเก็บข้อมูลไว้กับธนาคารตอนเปิดบัญชีใหม่ในช่วงหลัง

โดยหลังจากเดือน มิ.ย. นี้ไปแล้ว ทุกคนที่โอนเงินเกิน 50,000 บาทต่อครั้ง หรือโอนเงินเกิน 200,000 บาทต่อวัน หรือปรับเปลี่ยนเพิ่มวงเงินตั้งแต่ 50,000 บาทขึ้นไปบนโมบายแบงก์กิ้ง จะต้องสแกนใบหน้ายืนยันตัวตน เพื่อให้แน่ใจว่าเป็นตัวเราจริงไม่ใช่มิจฉาชีพ

สาเหตุที่กำหนดให้สแกนหน้ายืนยันตัวตนตอนโอนเงินวงเงินเกิน 50,000 บาทนั้น “แบงก์ชาติ” บอกว่า จากข้อมูลพบว่า มิจฉาชีพส่วนใหญ่มักโอนในวงเงินมาก ๆ เกินกว่า 50,000 บาทต่อครั้ง ซึ่งผลกระทบตัวลูกค้าจากครั้งนี้มีเพียง 1% เท่านั้นที่โอนเงินครั้งละมาก ๆ

แล้วจะรู้ได้อย่างไรว่า ธนาคารมีการเก็บข้อมูลสแกนหน้า biometric ของเราไว้แล้ว ซึ่งหากเราเคยไปเปิดบัญชีในช่วง 2-3 ปีหลังนี้ ธนาคารส่วนใหญ่จะขอเก็บข้อมูลโดยการสแกนใบหน้าเราไว้แล้ว ซึ่งเราไม่ต้องไปเก็บข้อมูลสแกนใบหน้าอีก โดยกลุ่มนี้จะสามารถสแกนหน้ายืนยันตัวตน หากโอนเงินเกิน 50,000 บาทได้ในทันที

แต่ถ้าหากใครยังไม่เคยไปเปิดบัญชีใหม่ หรือไม่เคยไปทำธุรกรรมอื่น ๆ เลยในช่วง 2-3 ปีหลังมานี้ เช่น ยืนยันตัวตนเพื่อรับสวัสดิการของรัฐ คาดเดาไว้เลยว่า ธนาคารเจ้าของบัญชีเงินฝากเรานั้น คงยังไม่มีข้อมูลสแกนใบหน้าของเราไว้อย่างแน่นอน ทำให้กลุ่มนี้จะต้องไปให้ธนาคารเก็บข้อมูลใบหน้าของเรา เพราะมิเช่นนั้น หากต้องการโอนเงินบนแอปธนาคารเกิน 50,000 บาท จะไม่สามารถทำได้ และต้องไปที่สาขาทุกครั้งที่โอนเงินเกิน ทำให้เกิดความยากลำบากไม่ได้รับความสะดวก

“แบงก์ชาติ” ได้ให้ข้อมูลว่า ปัจจุบันมีผู้ที่เคยสแกนใบหน้าเก็บข้อมูลเพื่อยืนยันตัวตนไว้แล้วนั้น มีเกินครึ่งหนึ่งแล้ว แต่ในส่วนที่เหลือหากจำเป็นต้องทำธุรกรรมแล้วต้องยืนยันตัวตน และหากใครคิดว่ายังไม่เคย ก็ต้องไปที่สาขาธนาคารของบัญชีเงินฝากเราที่มีบนโมบายแบงก์กิ้งเพื่อเก็บข้อมูลใบหน้าของเราไว้ก่อนล่วงหน้าได้.