เมื่อเวลา 15.05 น. วันที่ 15 มี.ค. ที่พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรค เดินทางเข้าที่ทำการพรรค พร้อมขบวนรถของ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ส.ส.พะเยา เดินทางมาด้วย
โดย พล.อ.ประวิตร กล่าวทัก นายสันติ พร้อมพัฒน์ รมช.คลัง ในฐานะเลขาธิการพรรค ว่า “ทำไม ไม่ไปกินข้าวผม ลืมรึ ที่ไปกินกับภูมิใจไทย” ซึ่งนายสันติได้แต่ยิ้มรับ โดยไม่ตอบ
ต่อมา พล.อ.ประวิตร พร้อมด้วย นายสันติ นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ ประธานยุทธศาสตร์การเมือง ร่วมเปิดตัวทีมเศรษฐกิจของพรรค จำนวน 2 คน ได้แก่ นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล อดีต รมว.คลัง และ ม.ล.กรกสิวัฒน์ เกษมศรี นักวิชาการอิสระด้านพลังงาน

พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า พรรคพลังประชารัฐมีความยินดีที่ได้ทีมเศรษฐกิจทั้ง 2 ท่าน ที่มีความสามารถทั้งด้านเศรษฐกิจ และพลังงาน ที่พร้อมทำงานเพื่อพรรค และนำประโยชน์มาสู่ประชาชนเป็นสำคัญ ต้องขอบคุณที่มาร่วมทำงาน พรรคพลังประชารัฐยินดีต้อนรับทั้ง 2 ท่านเป็นอย่างยิ่ง ตอนนี้ทุกคนคงเห็นแล้วว่า เรามีทีมเศรษฐกิจเพียงพอแล้ว พร้อมแก้ปัญหาให้บ้านเมือง ให้ประชาชนให้สามารถอยู่ดีกินได้ ยกระดับความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นได้ ฝากสื่อมวลชนช่วยบอกเพื่อนฝูงว่าพรรคเรามีทีมเศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง พร้อมทำงานเพื่อประเทศชาติ และประชาชน
ทางด้าน นายสันติ กล่าวว่าทั้ง 2 ท่าน เป็นบุคคลากรที่มีความรู้ความสามารถอย่างที่ทราบกันอยู่แล้ว โดยนาย ธีรชัย เป็นอดีต รมว.คลัง และ ม.ล.กรกสิวัฒน์ มีความเชี่ยวชาญด้านพลังงาน และหลาย ๆ เรื่อง ซึ่งทั้ง 2 ท่านมีอุดมการณ์ที่จะเข้ามาช่วยพรรคผลิตนโยบาย และแนวคิดเศรษฐกิจเพื่อประชาชน เพื่อให้พรรคเป็นที่หวังของประชาชนในการพัฒนาด้านต่าง ๆ ให้สำเร็จ อย่างไรก็ตาม เมื่อหัวหน้าพรรคได้เป็นนายกรัฐมนตรี ทุกนโยบายเราจะทำทันที และเห็นผลทันที

ขณะที่ นายธีระชัย กล่าวว่า ตนขอขอบคุณ พล.อ.ประวิตร ที่ได้กรุณาเชิญให้ตนเข้ามาร่วมทำงานกับพรรค สาเหตุที่ตัดสินใจตอบรับเพราะเห็นว่าบ้านเมืองกำลังจะเผชิญปัญหาใหญ่ในอีก 3-4 ปีข้างหน้า ส่วนหนึ่งจากปัญหาภูมิรัฐศาสตร์ของโลก ซึ่งจะเป็นคลื่นลูกใหญ่ที่ซัดมาชายฝั่งประเทศไทย ทั้งในด้านเศรษฐกิจ ในด้านความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ อีกส่วนหนึ่งจากปัญหาที่สะสมกันมาหลายปี เช่น ปัญหาเศรษฐกิจการเงินโลก รวมถึง การบริหารประเทศต้องเพิ่มนโยบายที่เน้นทำให้ประชาชนมีความเข้มแข็งในตัวเอง และต้องเพิ่มได้นโยบายที่ขจัดความขัดแย้ง การเปิดรับฟังปัญหาและความคิดเห็นของประชาชนอย่างแท้จริง ต้องคิดออกไปนอกกรอบเดิม ๆ รวมทั้งต้องป้องกันไม่ให้นายทุนเข้ามาใช้ข้าราชการเป็นเครื่องมือในการหาประโยชน์ส่วนตน ทำให้ภาพลักษณ์ด้านธรรมาภิบาลของประเทศตกต่ำ ฟื้นไม่ขึ้น และสังคมขาดความเป็นธรรม

“ผมได้พิจารณาแล้วเห็นว่า พรรคที่จะแก้ปัญหาได้คือพลังประชารัฐ เพราะจะมีโอกาสทำงานเพื่อประชาชน สร้างสมดุลระหว่างนายทุนกับประชาชน เป็นนโยบายที่ทำได้จริง ไม่สุดกู่ รวมถึงนโยบายขจัดความขัดแย้งทางการเมืองให้ได้ สอดคล้องกับแนวคิดของผม ดังนั้นจึงเข้ามาในพรรคนี้ เพื่อจะนำเสนอนโยบายที่เกิดผลประโยชน์ต่อประชาชน ที่จะทำได้จริง สร้างสมดุลประชาชนกับนายทุน ที่จะปราศจากผลประโยชน์ครอบครัวเจ้าของ เป็นนโยบายที่จะมองกว้างไกล เพื่อจะให้เป็นทางเลือกแก่ประชาชน” อดีต รมว.คลัง กล่าว
ส่วน ม.ล.กรกสิวัฒน์ กล่าวว่า ขอขอบคุณหัวหน้าพรรค พล.อ.ประวิตร และผู้บริหารพรรคพลังประชารัฐทุกท่าน ที่ได้กรุณาเชื้อเชิญให้ตนเข้ามาร่วมงานกับพรรค ตนทราบว่า พรรคพลังประชารัฐมีความตั้งใจไม่ใช่แค่การลดราคาพลังงานแบบฉาบฉวย แต่จะเป็นการปรับโครงสร้างราคาพลังงานทั้งระบบอย่างจริงจัง เมื่อตนได้พูดคุยกับ พล.อ.ประวิตร พบว่าท่านมีความใจกว้างที่จะรับฟังความเห็นที่ตนนำเสนอ และพร้อมที่จะแลกเปลี่ยนความคิดเห็นอย่างเต็มที่
“ผมมั่นใจว่า หากพลังประชารัฐได้เป็นรัฐบาล นโยบายที่พรรคจะทำให้ประชาชน จะมีผลเปลี่ยนแปลงชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนให้ดีขึ้นได้อย่างแน่นอน เพราะยึดหลักการที่ว่า พลังงานของประชาชน เพื่อประชาชน ตามที่พรรคมีเจตจำนง” ม.ล.กรกสิวัฒน์ กล่าว
นอกจากนี้ พล.อ.ประวิตรยัง กล่าวว่า ที่บอกว่าพรรคไม่มีทีมเศรษฐกิจ ก็เห็นแล้วว่าเรามีเยอะ พร้อมจะแก้ปัญหาให้บ้านเมืองและประชาชน สามารถทำให้ประชาชนอยู่ดีกินดี ตามที่ตนพูดไว้ได้และยกระดับความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นได้ ฉะนั้น ฝากสื่อให้ไปบอกเพื่อนว่า พรรคเรามีทีมศรษฐกิจแข็งแกร่ง ที่พร้อมทำงานให้บ้านเมืองและประเทศชาติ และทั้งสองคนพร้อมร่วมกันทำงาน

ผู้สื่อข่าวถามว่า จะมีนโยบายเศรษฐกิจอะไร ออกมาอีกหรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ให้ออกมาก่อนแล้วค่อยถาม เรื่องเศรษฐกิจ เมื่อมีแล้วเดี๋ยวออกมาเอง ซึ่งพรรคมีทีมงานที่จะทำงานด้านเศรษฐกิจเยอะแยะ เพราะทำคนเดียวไม่ได้โดยนโยบายจะทยอยออกมาเรื่อยๆ
เมื่อถามว่า วางบทบาทของทั้งสองคน ในการทำงานร่วมกับ นายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ คณะทำงานเศรษฐกิจของพรรค ในเรื่องเกี่ยวกับพลังงาน ไว้อย่างไร พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า เขาไม่มีอะไร ทำงานร่วมกันได้ ไม่มีปัญหา เพราะมีความรู้ด้วยกันทั้งคู่ ต้องมาคุยกันว่าจะทำอย่างไร จะได้ออกมาเป็นโยบายด้านพลังงาน รับรองว่าดีแน่นอน
ผู้สื่อข่าวถามว่า จะมีทีมเศรษฐกิจเข้ามาเพิ่มหรือจบเท่านี้ หรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่าเอาแค่นี้แค่นี้ก็พอแล้ว แค่นี้เยอะแล้ว ดูแลประเทศชาติได้แล้ว เพราะเราได้คนหัว ๆ มาทั้งนั้น เมื่อถามย้ำว่า สามารถสู้กับทีมเศรษฐกิจของพรรคอื่นได้หรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า จะไปสู้กับใคร เราไม่สู้กับใคร สู้กับประเทศชาติ และความยากจนของประชาชน ไม่สู้กับใครหรอก เพื่อให้ประชาชนอยู่ดีกินดี ได้รับความเป็นธรรมเท่าเทียมทุกคน
ผู้สื่อข่าวถามถึงการไปรับประทานอาหารกลางวันร่วมกับแกนนำพรรคภูมิใจไทย นำโดย นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.สาธารณสุข ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทยในวันเดียวกันนี้ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ทานข้าวพูดคุยกันปกติ ไม่ได้คุยเรื่องการเมือง ส่วนที่กินข้าวกับนายอนุทิน เมื่อกินข้าวด้วยกัน ก็เป็นพวกเดียวกันอยู่แล้ว ก่อนย้อนถามสื่อว่า ทำไม กินไม่ได้หรือ
เมื่อถามว่าได้แลกเปลี่ยนความเห็นกันหรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวย้ำว่า คุยกันกินข้าวอยู่ด้วยกัน เมื่อถามว่า มีข้อสังเกตว่าการไปพูดคุยกันอาจจะเป็นขั้วการเมืองใหม่ ระหว่างพรรค พปชร. กับ ภูมิใจไทย พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า “ไม่รู้ คุณคิดเองทั้งนั้น
เมื่อถามว่า มีนัดหมายที่จะพูดคุยและหลังรับประทานข้าวร่วมกับพรรคการเมืองอื่นอีกหรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า กิน
ผู้สื่อข่าวถามกรณีที่ พล.อ.ประวิตร ได้แสดงความเห็นคัดค้านกรณีที่เจ้าหน้าที่ล็อกตัว น.ส.วันทนา โอทอง ผู้เห็นต่างทางการเมือง ในระหว่างที่นายกรัฐมนตรี ลงพื้นที่ จ.ราชบุรี พล.อ.ประวิตร ไม่ได้ตอบคำถามดังกล่าว