สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงวอชิงตัน สหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 17 มี.ค. ว่า สถาบันการเงินขนาดใหญ่อันดับต้นสหรัฐ 11 แห่ง นำโดย “เจพีมอร์แกน เชส” “ซิตีกรุ๊ป” “แบงก์ ออฟ อเมริกา” “เวลส์ฟาร์โก” “โกลด์แมนแซคส์” และ “มอร์แกน สแตนลีย์” ร่วมกันฝากเงินรวมกันมากกว่า 30,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ( ราว 1 ล้านล้านบาท ) กับธนาคารเฟิสต์ รีพับลิก ซึ่งเป็นสถาบันการเงินระดับภูมิภาค เมื่อวันพฤหัสบดี
Wall Street rallied on Thursday after banking regulators announced nearly a dozen of the nation's largest banks agreed to inject $30 billion into First Republic Bank. Treasury Secretary Janet Yellen faced tough questions on Capitol Hill from the Senate about the turmoil. pic.twitter.com/7lRIb0TIdO
— CBS Evening News (@CBSEveningNews) March 16, 2023
ความเคลื่อนไหวดังกล่าวเกิดขึ้น หลังการหารือระหว่างนางเจเน็ต เยลเลน รมว.คลังสหรัฐ กับนาย เจอโรม พาวเวลล์ ประธานธนาคารกลางสหรัฐ ( เฟด ) และนายเจมี ดิมอน ประธานคณะเจ้าหน้าที่บริหาร ( ซีอีโอ ) ของเจพีมอร์แกน เชส เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา เพื่อหาทางเสริมสภาพคล่องให้กับธนาคารเฟิสต์ รีพับลิก ซึ่งราคาหุ้นร่วงลงมากกว่า 70% ตั้งแต่วันที่ 6 มี.ค. แม้พุ่งขึ้นมาอยู่ในแดนบวก หลังมีการประกาศแผนการอัดฉีดนี้ แต่ปรับตัวลดลงในช่วงใกล้ปิดตลาด
ทั้งนี้ กลุ่มสถาบันการเงินที่ถือเป็น “บิ๊กโฟร์” ของสหรัฐ ได้แก่ เจพีมอร์แกน เชส ซิตีกรุ๊ป แบงก์ออฟอเมริกา และเวลส์ฟาร์โก จะฝากเงินแบบไม่มีเงื่อนไขค้ำประกัน ธนาคารละ 5,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ( ราว 171,850 ล้านบาท ) เพื่อเป็นการเสริมสร้างความไว้วางใจให้แก่เฟิสต์ รีพับลิก หลังการล่มสลายของธนาคาร “ซิลิคอน วัลเลย์” ( เอสวีบี ) และ “ซิกเนเจอร์ แบงก์” ( เอสบี ) ทำให้ประชาชนกังวลเกี่ยวกับความปลอดภัยของเงินฝาก จนแห่ถอนเงินออกจากธนาคารหลายแห่ง
อนึ่ง เฟิสต์ รีพับลิก ก่อตั้งเมื่อปี 2528 ถือเป็นธนาคารขนาดใหญ่อันดับ 14 ของสหรัฐ หากประเมินตามมูลค่าสินทรัพย์จนถึงสิ้นปี 2565 ซึ่งอยู่ที่ประมาณ 212,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ( ราว 7.28 ล้านล้านบาท ) มีสำนักงานใหญ่อยู่ที่เมืองซานฟรานซิสโก ในรัฐแคลิฟอร์เนีย.
เครดิตภาพ : REUTERS