จากกรณีคนร้ายชาวจีน บุกอุ้มนักศึกษาปริญญาโทสาวชาวจีน บังคับห้ามส่งเสียง ก่อนจะจับมัดมือและปิดตา ขึ้นไปรีดทรัพย์บนรถตู้โตโยต้า อัลพาร์ด สีดำ ได้เงินสกุลหยวน และเงินสกุลคริปโตฯ ไปจากผู้เสียหาย กว่า 3.3 ล้านบาท จากร้านอาหารย่านเอกมัย ก่อนนำไปทิ้งไว้ ย่านมีนบุรี เมื่อวันที่ 16 มี.ค. ที่ผ่านมา ก่อนที่ตำรวจจะสามารถจับกุมผู้ต้องหาชาวจีน ประกอบด้วย นายหราน เสียว หย่ง นายเนี่ย ฉี เจิ่น และ น.ส.เนี่ย ลี่ เจี่ยว ทั้งหมดสัญชาติจีน ขณะกำลังพยายามหลบหนีออกนอกประเทศ ได้ที่บริเวณริมถนน กม.5 ฝั่งซ้าย ต.อรัญประเทศ อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว ตามที่ได้เสนอข่าวไปแล้วนั้น

ความคืบหน้าล่าสุด เมื่อวันที่ 19 มี.ค. ที่สน.ทองหล่อ พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบช.น. พร้อมด้วย พล.ต.ต.ธวัชเกียรติ จินดาควรสนอง ผบก.น.5 พ.ต.อ.วรพจน์ รุ่งกระจ่าง รอง ผบก.สส.บช.น. พ.ต.อ.ศิรณวิชญ์ อินทร ผกก.สส.บก.น.5 พ.ต.อ.พันษา อมราพิทักษ์ ผกก.สน.ทองหล่อ ร่วมกันประชุมหารือหลังมีการสอบปากคำผู้ต้องหาตลอดคืนที่ผ่านมา

พล.ต.ต.นพศิลป์ เปิดเผยว่า เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นในวันที่ 16 มี.ค. ที่ผ่านมาในช่วงเวลาประมาณ 20.08 น. ผู้เสียหายสัญชาติจีน อายุ 32 ปี ได้เดินทางมาทานอาหารที่ร้าน TORISAWA22 ถนนเอกมัย แขวงคลองตันเหนือ เขตวัฒนา กรุงเพทฯ กับน.ส.เนี่ย ลี่ เจี่ยว เพื่อนสาวชาวจีนซึ่งรู้จักกันได้ประมาณปีกว่า

จากนั้นเวลาประมาณ 20.26 น. ได้มีรถตู้อัลพาร์ด สีดำ ทะเบียน 1 ขค 6336 กรุงเทพมหานคร ได้ขับเข้ามาบริเวณลานหน้าร้าน ต่อมาเวลาประมาณ 21.53 น. ขณะที่ผู้เสียหายกับเพื่อนกำลังเดินออกจากร้าน เพื่อนผู้เสียหายได้มีการพยายามพาเดินไปใกล้รถตู้อัลพาร์ด ทางด้านซ้ายของรถ ก่อนมีชายที่นั่งอยู่ในรถได้เข้าบีบคอผู้เสียหาย แล้วกระชากตัวผู้เสียหายขึ้นไปบนรถตู้อัลพาร์ด โดยมีเพื่อนสาวของผู้เสียหายขึ้นรถไปด้วย โดยผู้เสียหายถูกปิดตา มัดมือ ปิดปาก จากนั้น กลุ่มคนร้ายได้ขับรถอัลพาร์ดออกไปไม่ทราบว่าไปที่ใด ระหว่างที่อยู่บนรถกลุ่มคนร้ายได้ข่มขู่จะทำร้ายร่างกายของผู้เสียหาย และบังคับให้ผู้เสียหายโอนคริปโตฯ สกุล USDT จำนวน 200,000 USDT โดยผู้เสียหายได้ยอมโอนคริปโตฯ ให้ 8,014 USDT หรือประมาณ 2.7 แสนบาท และโอนเงินสด ประมาณ 250,000 หยวน หรือประมาณ 1,240,788 บาท

ต่อมาวันที่ 17 มี.ค. เวลา 08.15 น. คนร้ายได้ให้ผู้เสียหายติดต่อกับแฟนเพื่อโอนเงินมาให้กลุ่มคนร้าย ต่อมาแฟนของผู้เสียหายจึงโอนเงินคริปโตฯ อีก 50,000 USDT หรือประมาณ 1.7 ล้านบาท เข้ามายังแอพพริเคชั่น imtoken บัญชีของผู้เสียหาย เมื่อเงินเข้าบัญชีแล้ว กลุ่มคนร้ายได้นำโทรศัพท์มือถือไปดำเนินการโอนเงินต่อโดยไม่ทราบว่าบัญชีปลายทางเป็นบัญชีใด จากนั้นกลุ่มคนร้ายได้ลบแอป imtoken ดังกล่าวของผู้เสียหายไป และลบรูป กับแชตในแป Wechat ทั้งหมดที่มีการสนทนาระหว่างผู้เสียหายกับญาติที่ประเทศจีน ก่อนปล่อยผู้เสียหายลงรถในย่านมีนบุรี ผู้เสียหายจึงได้ใช้โทรศัพท์มือถือของตัวเอง ถ่ายภาพสถานที่ดังกล่าวไว้เวลาประมาณ 09.40 น. จากนั้นจึงได้เรียกรถแท็กซี่กลับมาที่พัก เมื่อผู้เสียหายกลับมายังที่พักที่คอนโดฯ จึงเข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวน สน.ทองหล่อ

โดยภายหลังรับแจ้งฝ่ายสืบสวนได้ลงพื้นที่และคิดตามคนร้ายจนพบว่าคนร้ายได้มีการเช่ารถตู้คันก่อเหตุ มาจากบริษัทรถเช่าแห่งหนึ่ง โดยกลุ่มคนร้ายได้ มีการว่าจ้างบุคคลหนึ่งให้ไปเช่ารถตู้คันก่อเหตุมาจากบริษัทเช่ารถตู้ในราคาวันละ 5,000 บาท โดยกลุ่มคนร้ายให้เงินค่าจ้างในการเช่ารถคันดังกล่าวเพิ่มอีกวันละ 3,000 บาท โดยมีกำหนดการเช่าตั้งแต่วันที่ 15-17 มี.ค. ซึ่งจากการตรวจสอบสวนขณะนี้ยังไม่พบว่าคนที่ถูกว่าจ้าง ให้เช่ารถตู้คันดังกล่าวรวมถึงบริษัท เจ้าของรถตู้ มีส่วนรู้เห็นกับการก่อเหตุในครั้งนี้

รวบแล้วแก๊งอุ้มสาว นศ.ป.โทแดนมังกร จนมุมสระแก้ว! เพื่อนสาวเป็นนกต่อ

จากการสอบปากคำผู้ต้องหาทั้ง 3 รายขณะนี้ยังไม่ยอมให้การใดๆกับพนักงานสอบสวน แต่จากการตรวจสอบเบื้องต้นมีข้อมูลพบว่า กลุ่มผู้ก่อเหตุมีการเข้าออกประเทศไทยจำนวน 3 ครั้ง โดยเข้ามาครั้งแรกเมื่อวันที่ 24 พ.ค. 65 ที่ผ่านมา โดยใช้วีซ่านักท่องเที่ยว ส่วนตัวเพื่อนสาวที่ทำหน้าที่เป็นนกต่อในการก่อเหตุในครั้งนี้มีการเข้ามาตีสนิทและรู้จักคบหากับผู้เสียหายได้เวลาประมาณ 1 ปี โดยจะมีการติดต่อเฉพาะเวลาที่ผู้เสียหายเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทยเท่านั้น ซึ่งคาดว่ากลุ่มผู้ก่อเหตุจะทราบเกี่ยวกับเรื่องที่ผู้เสียหายได้รับเงินจำนวนมากจากการเวนคืนที่ดินที่ประเทศจีน จึงร่วมกันวางแผน และพบว่ายังมีความพยามจะก่อเหตุมาแล้วหนึ่งครั้ง แต่ผู้เสียหายไม่เดินทางมาตามนัด

เบื้องต้นขณะนี้พนักงานสอบสวน สน.ทองหล่อ ได้แจ้งข้อหา “ร่วมกันหน่วงเหนี่ยวกักขังผู้อื่นและร่วมกันกรรโชกทรัพย์” ส่วนจะมีพฤติการณ์ในการก่อเหตุแบบนี้มาก่อนหน้านี้หรือไม่ ยังอยู่ระหว่างการสอบปากคำเพิ่มเติม และหากพบว่ามีการกระทำใดเข้าข่ายความผิดเพิ่มเติมก็จะดำเนินการแจ้งข้อหาอีกครั้ง.