เมื่อวันที่ 30 มี.ค. ที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) ได้มีการจัด “โครงการเสริมพลังสตรีพิการสู่คุณภาพชีวิตที่เท่าเทียม” ภายใต้แนวคิด “โอบอุ่น เพราะรักแบ่งปันได้” จัดโดยกรมส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ (พก.) พร้อมเสวนาเรื่อง “ความเสมอภาคกับบทบาทสตรีพิการ” โดยมี นายอนุกูล ปีดแก้ว ปลัด พม. เปิดงาน โดย น.ส.เสาวลักษณ์ ทองก๊วย คณะกรรมการว่าด้วยสิทธิคนพิการแห่งสหประชาชาติ กล่าวว่า อุปสรรคที่เด็กและสตรีพิการต้องประสบอย่างน้อย 4 ด้าน คือ 1.ด้านกายภาพ 2.การเข้าถึงสื่อเทคโนโลยี ข้อมูล การสื่อสาร 3.ระบบระเบียบโครงสร้าง และ 4.ทัศนคติ ยังมีปัจจัยเรื่องเพศด้วย ซึ่งมักถูกมองข้ามไป จะมองเห็นเพียงความพิการเท่านั้น ทำให้การบริการต่างๆ ไม่ได้ให้ความสำคัญเรื่องเพศผู้พิการ ทำให้คนกลุ่มนี้ขาดโอกาสในการพัฒนาตนเอง และกลายเป็นผู้ถูกล่วงละเมิดมากที่สุด แม้แต่กับคนในครอบครัวเดียวกัน
ดังนั้น การสร้างการมีส่วนร่วมอย่างเท่าเทียมและความเสมอภาคต่อเด็กหญิงและสตรีพิการ ต้องให้ความสำคัญ 2 ประเด็น คือ 1. ทลายอุปสรรคที่เกิดจากความพิการ 2.อุปสรรคที่เกิดจากโครงสร้างเรื่องเพศสภาพ เรื่องชายเป็นใหญ่ หรือปิตาธิปไตย ที่เด็กหญิงและสตรีพิการต้องเจอในชีวิตประจำวัน เราไม่สามารถคาดหวังให้ครอบครัวที่มีเด็กและสตรีพิการทุกครอบครัวคิดเองได้ และมองไปข้างหน้าในทางบวกได้ทุกครอบครัว ถ้าปราศจากความช่วยเหลือ ขึ้นอยู่กับระดับฐานะเศรษฐกิจทางสังคม ประสบการณ์การและเบื้องหลังของครอบครัวในการเอาตัวรอด ดังนั้น สวัสดิการและการส่งเสริมจากภาครัฐเป็นสิ่งสำคัญและจำเป็นเพื่อนำไปสู่เป้าหมายความเท่าเทียมและทำให้เด็กและสตรีพิการสามารถเข้าไปมีส่วนร่วมอย่างเต็มที่และเสมอภาคได้
ด้าน น.ส.ณิชชารีย์ เป็นเอกชนะศักดิ์ หรือ “ธันย์” สาวน้อยคิดบวก ซึ่งพิการทางเคลื่อนไหว กล่าวว่า ตนประสบอุบัติเหตุที่ต่างประเทศเมื่อ 12 ปีที่แล้ว กลายเป็นคนพิการทางการเคลื่อนไหว แต่สิ่งสำคัญคือการสร้างพลังใจให้ตนเอง คิดถึงตัวเองในปัจจุบันให้มากที่สุด อยู่กับตัวเอง พยายามยอมรับและเข้าใจความพิการ เรียนรู้ไปเรื่อยๆ กับการใช้ชีวิตอยู่ เมื่อเราเรียนรู้ได้มากขึ้น เราก็จะมองเห็นคุณค่าตนเองมากขึ้น แล้วค่อยๆ ก้าวข้ามผ่านอุปสรรคต่างๆ ทำให้เกิดความภูมิใจในสิ่งที่เราทำได้ ค่อยๆ สร้างและพัฒนาไปเรื่อยๆ อย่างไรก็ตาม ครอบครัวเป็นสิ่งสำคัญที่ต้องให้การสนับสนุน ทำให้เรารู้สึกว่าตัวเองไม่ได้ไร้ความสามารถ ไม่ตัดสินว่าคนพิการทำอะไรไม่ได้ แต่ให้เรียนรู้ไปกับเรา จนทำให้เรารู้สึกอยากออกไปใช้ชีวิตในสังคม ไปเที่ยวกับครอบครัว กับเพื่อนๆ เมื่อเรารักและเห็นคุณค่าตนเอง และสามารถแบ่งปันให้คนอื่น แม้เป็นจุดเล็กๆ ก็ตาม.