สำนักข่าวรอยเตอร์ส รายงานจากรัฐฟลอริดา สหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 31 มี.ค. ว่า พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำ “ไมอามี ซีความเรียม” บรรลุ “ข้อตกลงที่มีผลผูกพันตามกฎหมาย” กับองค์กรไม่แสวงหาผลกำไร “เฟรนด์ส ออฟ โลลิตา” เพื่อส่งวาฬเพชฌฆาตตัวนี้ ซึ่งเกษียณจากการแสดง ไปยังแหล่งที่อยู่อาศัยในมหาสมุทรแปซิฟิกตะวันตกเฉียงเหนือ ภายใน 2 ปี

โลลิตา วาฬเพชฌฆาต อายุ 57 ปี ถูกจับเมื่อปี 2513 ที่อ่าวเล็กนอกเมืองซีแอตเทิล โดยมันมีชื่อเรียกอีกอย่างว่า “โทคิ” ที่ย่อมาจาก “โทคิเท”

ทั้งนี้ แผนการส่งโลลิตากลับสู่ถิ่นที่อยู่ตามธรรมชาติ จำเป็นต้องได้รับการอนุมัติจากรัฐบาลกลางก่อน ซึ่งนางแดเนียลา เลวีน คาวา นายกเทศมนตรีเขตไมอามี-เดด กล่าวว่า กระบวนการปล่อยโลลิตาสู่ “น่านน้ำบ้านเกิด” ใช้เวลาดำเนินการหลายปี โดยเริ่มจากการโอนกรรมสิทธิ์ของพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำให้กับบริษัท เดอะ ดอลฟิน คอมปานี ซึ่งร่วมมือกับองค์กรไม่แสวงหาผลกำไรในเวลาต่อมา เพื่อให้การดูแลทางการแพทย์แก่วาฬเพชฌฆาต

“การค้นหาอนาคตที่ดีกว่าให้กับโลลิตา เป็นหนึ่งในเหตุผลที่จูงใจให้พวกเราเข้าซื้อกิจการของ ไมอามี ซีความเรียม” นายเอดัวร์โด อัลบอร์ ผู้บริหารสูงสุดของ เดอะ ดอลฟิน คอมปานี กล่าวในแถลงการณ์

อนึ่ง ความเคลื่อนไหวเรียกร้องให้โลลิตาเป็นอิสระ ได้รับแรงผลักดันจากสารคดี “Blackfish” ในปี 2556 ซึ่งเน้นย้ำถึงการกักขังวาฬออร์กา

แม้ว่าหลังจากองค์การบริหารมหาสมุทรและชั้นบรรยากาศแห่งชาติของสหรัฐ (เอ็นโอเอเอ) เพิ่มวาฬเพชฌฆาตในรายชื่อสัตว์ที่ใกล้สูญพันธุ์ เมื่อปี 2558

อย่างไรก็ตาม กลุ่มผู้สนับสนุนด้านสิทธิสัตว์ กลับไม่ประสบความสำเร็จ กับการต่อสู้ในศาลที่ยาวนานหลายปี เพื่อให้ได้มาซึ่งอิสรภาพของโลลิตา จนนำมาสู่การทำข้อตกลงเพื่อปล่อยมันกลับสู่ธรรมชาติในครั้งนี้.

เครดิตภาพ : REUTERS