เมื่อวันที่ 5 เม.ย. ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) นายพัฒนธนชัย สระกวี นายกสมาคมประชาคมคนตาบอดไทย เข้ายื่นคำร้องต่อ กกต. ขอให้ตรวจสอบกรณีพรรคประชาธิปัตย์ นำภาพของตนเองและสมาคมฯ ไปใช้ประกอบการแถลงข่าวส่งนายกานต์ ปิงเมือง เลขาฯ สมาคมคนตาบอด จ.พะเยา ลงสมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคประชาธิปัตย์ โดยไม่ได้รับอนุญาต

นายพัฒนธนชัย กล่าวว่า เมื่อเดือน ม.ค. ที่ผ่านมา ตนและสมาชิกสมาคมฯ ได้ไปขอความช่วยเหลือจากนางมัลลิกา บุญมีตระกูล มหาสุข อดีตกรรมการบริหารพรรคประชาธิปัตย์ เกี่ยวกับการฌาปนกิจสงเคราะห์ของผู้พิการที่บ้านพักใน จ.พะเยา โดยมีการถ่ายภาพไว้เป็นที่ระลึก แต่ต่อมาปรากฏข่าวทางสื่อว่า พรรคประชาธิปัตย์ จะส่งแกนนำผู้พิการทางสายตาลงสมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ โดยภาพประกอบข่าวเป็นภาพที่ตนและนางมัลลิกาถ่ายเป็นที่ระลึก ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้อง เพราะตนไม่ได้เป็นผู้ที่พรรคจะส่งสมัคร อีกทั้งตนเป็นนายกสมาคมฯ ภาพดังกล่าว อาจทำให้สมาชิกสมาคมฯ หรือบุคคลภายนอกเกิดความเข้าใจผิดว่า ตนหรือสมาคมสนับสนุนพรรคประชาธิปัตย์ รวมทั้งการดำเนินการของสมาคม ต้องเป็นกลางทางการเมือง ไม่ฝักใฝ่พรรคการเมืองกลุ่มการเมืองใดทั้งสิ้น ตามวัตถุประสงค์ของการจัดตั้งสมาคมฯ จึงเกรงว่าหากเรื่องนี้ไม่มีความชัดเจนจะเกิดผลกระทบต่อสมาคมฯ ทำให้ต้องร้องต่อ กกต. ขอให้ตรวจสอบการกระทำของพรรคประชาธิปัตย์ ว่าชอบด้วยกฎหมายเลือกตั้งหรือไม่ เพื่อนำผลการตรวจสอบแจ้งต่อนายทะเบียนสมาคมกรุงเทพมหานครทราบ

เมื่อถามว่า ได้แจ้งให้พรรคประชาธิปัตย์มีการแก้ไขหรือไม่ นายพัฒนธนชัย กล่าวว่า พรรคประชาธิปัตย์เป็นพรรคการเมือง จะทำอะไรต้องทราบว่าผิดหรือถูก อีกทั้งการมาร้อง กกต. เป็นผู้กำกับดูแลพรรคการเมือง การมาร้องที่นี่น่าจะตรวจสอบได้ดีกว่า

ทางด้าน นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ยื่นหนังสือขอให้นายทะเบียนพรรคการเมือง และ กกต. ตรวจสอบการนำรถยนต์และรถกระบะมาดัดแปลงเป็นรถแห่หาเสียงของพรรครวมไทยสร้างชาติ เพื่อไทย ประชาธิปัตย์ พลังประชารัฐ เสรีรวมไทย และอีกหลายพรรค หลังพบว่าการรับสมัครเลือกตั้ง ส.ส. ทั้งสองแบบ นำรถยนต์และรถกะบะมาดัดแปลงเป็นรถแห่หาเสียง ซึ่งการนำรถกระบะ รถปิกอัพ มาดัดแปลง ในอดีตที่ผ่านมาอาจทำได้ แต่ปัจจุบันไม่อาจทำได้ เนื่องจากมีกฎหมายออกมาใหม่เมื่อวันที่ 30 มกราคม 2566 มีประกาศของ ผบ.ตร. เรื่องเข็มขัดนิรภัย ซึ่งในประกาศดังกล่าวมีข้อกำหนดชัดเจน ห้ามมีการนั่งและยืนท้ายรถกระบะเด็ดขาด

เมื่อมีกฎหมายออกมาบังคับใช้ขนาดนี้ ผู้สมัครและพรรคการเมือง ไม่สามารถที่จะใช้รถกระบะหาเสียง หรือยืนปราศรัยบริเวณท้ายรถกระบะ ไม่เช่นนั้นจะเข้าข่ายความผิดตาม พ.ร.บ.จราจร พ.ศ. 2522 และที่สำคัญคือ มาตรา 22 ของ พ.ร.ป.พรรคการเมือง กำหนดไว้ชัดเจนว่า หลังจากมี พ.ร.ฎ.เลือกตั้งแล้ว เป็นหน้าที่ของคณะกรรมการบริหารพรรคการเมือง ที่จะต้องควบคุมดูแลสมาชิกพรรคและผู้สมัครของพรรค ให้ทำตามกฎหมาย ไม่ละเมิด และหากกรรมการบริหารพรรครับทราบ ต้องหามาตรการแก้ไขโดยด่วน 

ทั้งนี้ สำหรับเอกสารหลักฐานที่นายศรีสุวรรณ นำมายื่นประกอบคำร้อง เป็นภาพรถแห่ที่ดัดแปลงมาจากระกระบะ อย่างเช่น รถแห่ของพรรครวมไทยสร้างชาติ ที่มี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา และแกนนำพรรคอยู่บนรถแห่หาเสียง พรรคเพื่อไทย ที่มี น.ส.แพรทองธาร ชินวัตร พรรคก้าวไกล นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ พรรคประชาธิปัตย์ มีนายพงศกร ขวัญเมือง และนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ พรรคพลังประชารัฐ นายวรพร อัศวเหม ผู้สมัคร ส.ส. และผู้สมัครพรรคเสรีรวมไทย รวมทั้งเห็นว่าการดัดแปลงดังกล่าวยังเข้าข่ายความผิดตาม พ.ร.บ.รถยนต์ 2522 และประกาศของนายทะเบียนรถยนต์ กรมการขนส่งทางบก การดัดแปลงสภาพรถผิดกฎหมาย หากจะกระทำต้องขออนุญาตก่อน  

เมื่อถามว่า แล้วรถอะไรจะเหมาะสมกับการหาเสียง นายศรีสุวรรณเป็นเรื่องของพรรคการเมือง ที่จะต้องไปคิดหาทางออกของเขา