เมื่อวันที่ 5 เม.ย. ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายนิพนธ์ บุญญามณี รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ และผู้อำนวยการเตรียมการเลือกตั้ง พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงการรณรงค์หาเสียงของพรรคประชาธิปัตย์ หลังจากจับสลากได้หมายเลข 26 ว่า หมายเลขดังกล่าวไม่เป็นอุปสรรคอะไรในการณรงค์หาเสียงของพรรค ขณะที่ประชาชนผ่านการเลือกตั้งมาหลายรอบ ไม่ว่าคนรุ่นเก่าหรือรุ่นใหม่ ก็เข้าใจแล้วว่าเป็นอย่างไร และหมายเลข 26 เป็นข้อดีที่ทำให้เราเอาหมายเลขของพรรค และหมายเลขของผู้สมัคร ส.ส.เขต มาอยู่ในป้ายหาเสียงแผ่นเดียวกันได้ ซึ่งจะช่วยให้สามารถทำความเข้าใจกับประชาชน รวมถึงประชาชนจะจดจำนโยบายพรรคที่ทำมากกว่า โดยสื่อให้เห็นว่า นโยบายต่างๆ ที่พรรคนำเสนอ อาทิ การประกันรายได้ คือหมายเลข 26 และหลังจากได้หมายเลขแล้ว มาถึงวันนี้เมื่อเห็นตัวผู้สมัคร ตัวคู่แข่ง และเห็นพรรคคู่แข่งแล้ว ทำให้มั่นใจมากขึ้นว่า เป้าหมายที่ได้วางเอาไว้ พรรคประชาธิปัตย์สามารถทำให้เดินไปตามเป้าหมายนั้นได้ ทั้งในภาคใต้ กรุงเทพฯ และภาคกลาง เราก็มีความมั่นใจ ส่วนภาคเหนือและภาคอีสาน เดิมเราได้ ส.ส. ใน 2 ภาคนี้ รวมกัน 3 ที่นั่ง แต่ในการเลือกตั้งรอบนี้ เรามั่นใจว่าได้มากกว่าเดิมแน่นอน และกำลังประเมินกันอยู่ว่า เป้าหมายที่วางเอาไว้ทั้งภาคเหนือและภาคอีสาน จังหวัดไหนบ้างที่เป็นไปตามเป้าที่วางเอาไว้ หรือจะต้องทำอย่างไรเพื่อให้เป็นไปตามเป้า ซึ่งเราประเมินกันทุกระยะ
เมื่อถามว่า พรรคประชาธิปัตย์ได้ทำโพลในแต่ละพื้นที่หรือไม่ นายนิพนธ์ กล่าวว่า โพลแต่ละพื้นที่ทำ โดยทำตัวอย่างแต่ละเขต ในส่วนที่ตนลงไปดูแลทำ 3,000-5,000 ตัวอย่าง ต่อ 1 เขตเลือกตั้ง ดังนั้น ความถี่หรือความแม่นยำของโพล มากกว่าที่ทำ 2,000 ตัวอย่างทั้งประเทศ ซึ่งโพลที่ทำตัวอย่างมาก ก็ยิ่งใกล้เคียงความจริงมากขึ้น แต่การตั้งคำถามก็ต้องเป็นไปตามหลักวิชาทางสถิติ
“ที่วิเคราะห์กันว่า พรรคประชาธิปัตย์จะได้ 70-80 ที่นั่งนั้น มีสมมุติฐานหมด 2-3 ปีที่ผ่านมา เราทำเรื่องนี้เพื่อเตรียมไปสู่การเลือกตั้ง ถึงตอนนี้ก็ยังอยู่ในเป้าหมายทุกอย่าง” นายนิพนธ์ กล่าว
เมื่อถามว่ามีบางฝ่ายบอกว่าพรรคประชาธิปัตย์ น่าจะได้ไม่ถึงเป้าที่วางไว้ นายนิพนธ์ กล่าวว่า ก็วิเคราะห์กันอยู่ เราไม่ไปโต้แย้งคำวิจารณ์ แต่เราทำให้ดีที่สุด เพราะบางทีข้อมูลของคนที่วิเคราะห์กับข้อมูลของเราต่างกัน ใช้ข้อมูลคนละตัวกัน เพราฉะนั้น การวิเคราะห์ต้องอยู่กับข้อมูล บางคนไปวิเคราะห์ตั้งแต่ยังไม่เห็นคู่แข่งเลย แล้วจะเป็นไปได้อย่างไร แสดงว่าต่อไปก็ไม่ต้องหาเสียงอะไรกันแล้ว ปกติเราต้องยอมรับความจริงว่า แชมป์เก่าแต่ละครั้งมีการเปลี่ยนประมาณ 35-45 เปอร์เซ็นต์ มีคนรุ่นใหม่เข้ามาตลอด แต่เวลาเราประมาณ จะประเมินตัวหลัก และตัวหลักใน 100 เปลี่ยน 35-45 เปอร์เซ็นต์ทุกรอบ
เมื่อถามว่าพรรคประชาธิปัตย์ได้ตั้งเป้าจำนวน ส.ส.บัญชีรายชื่อไว้เท่าไหร่ นายนิพนธ์ กล่าวว่า เป้าหมายบัญชีรายชื่อ เราไม่รู้ว่ากี่คน แต่อย่างน้อยที่เราประมาณการไว้ เดิมเราได้ประมาณ 3.96 ล้านเสียง ส่วนครั้งนี้เราประเมินว่าน่าจะได้เพิ่ม 1.5 ล้านเสียง เมื่อรวมแล้วได้สัก 5.5 ล้านเสียง ส.ส.บัญชีรายชื่อของเรา จึงน่าจะอยู่ที่ประมาณ 16-17 คน แม้จำนวน ส.ส.บัญชีรายชื่อทั้งหมดจาก 150 คน ลดลงเหลือ 100 คน แต่เราเชื่อว่า จากบัตร 2 ใบ ก็จะมีส่วนให้ประชาชนตัดสินใจเลือก อาทิ ไม่ชอบคนในเขตนั้น แต่ยังชอบพรรคประชาธิปัตย์ อย่างในภาคอีสาน หลายคนมองว่า หลายเขตตัวผู้สมัครของเราอาจจะสู้เขาไม่ได้ แต่นโยบายของพรรคโดนใจ เขาก็จะเลือกเรา จึงอยู่ที่ว่าเราจะประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนเข้าใจในนโยบายของเราอย่างไร ซึ่งผู้สมัคร ส.ส. ในแต่ละเขตเข้าใจ และเดินหาเสียงอยู่ในขณะนี้ และรอบนี้ สิ่งที่พรรคประชาธิปัตย์จะเน้นเป็นจุดขาย คือนโยบายเกี่ยวข้องเกษตรกรและที่ดิน แต่เราไม่ละทิ้งนโยบายที่ดูแลคนในเมืองด้วย