“ผู้นำฝ่ายค้าน” มึนอ่านชื่อนายกฯ ผิดเป็นเป็นซักฟอก “บิ๊กจิ๋ว”

เมื่อวันที่ 31 ส.ค. เวลา 09.00 น. ที่รัฐสภา มีการประชุมสภาผู้แทนราษฎร โดยมีนายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร   ทำหน้าที่ประธานในที่ประชุม เพื่อพิจารณาญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไป เพื่อลงมติไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล ตามที่นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ ผู้นำฝ่ายค้าน และคณะเป็นผู้เสนอ แต่ปรากฏว่า ผ่านไป 45นาที ยังไม่สามารถเปิดประชุมได้ กระทั่งเวลา 09.50 น. หลังผ่านไป 50 นาที มี ส.ส.ลงชื่อครบองค์ประชุม 242คน จากจำนวน ส.ส.ทั้งหมด 482 คน จึงได้เริ่มเข้าสู่ระเบียบวาระการประชุม

โดยนายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ ส.ส.เชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย ในฐานะผู้นำฝ่ายค้าน ได้อ่านญัตติเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล แต่ปรากฏว่าเมื่อเริ่มอ่านญัตติ นายสมพงษ์ ก็อ่านชื่อรัฐมนตรีที่อภิปรายไม่ไว้วางใจผิด จาก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม เป็น พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ อดีตนายกรัฐมนตรี และยังพูดผิดต่อไปอีกครั้งว่า พล.อ.ประยุทธ์ ยงใจยุทธ ทำให้ ส.ส.ฝ่ายค้านที่นั่งอยู่รอบๆ นายสมพงษ์ ถึงกับทำหน้าเลิ่กลั่กต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น กระทั่งนายสมพงษ์ รู้ตัวว่าพูดผิด จึงเอ่ยขอโทษ แก้ชื่อเป็น พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา พร้อมทั้ง 5 รัฐมนตรี ได้แก่ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.สาธารณสุข  นายสุชาติ ชมกลิ่น รมว.แรงงาน นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รมว.เกษตรและสหกรณ์ และ นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม 

ซัด “นายกฯ” โง่ โอหังคลั่งอำนาจ สมคบ “เสี่ยหนู” ค้าความตาย

นายสมพงษ์ กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ เป็นบุคคลไร้ภูมิปัญญา ไร้จิตสำนึกรับผิดชอบ ไร้ความสามารถเป็นหัวหน้ารัฐบาล บริหารราชการแผ่นดินล้มเหลว เสียหายร้ายแรงทุกด้าน ใช้อำนาจหน้าที่ขัดรัฐธรรมนูญ กฎหมาย มติ ครม. สั่งการในลักษณะกลืนน้ำลายตัวเอง ปล่อยปละละเลยมาตรการป้องกันการระบาดเชื้อโควิด-19 จัดหาวัคซีนไม่โปร่งใส ปล่อยให้มีการทุจริต แสวงหาประโยชน์ของนักการเมือง ข้าราชการที่ปฏิบัติหน้าที่เกี่ยวกับการระบาดเชื้อโควิด-19 ทั้งการจัดหาและจองวัคซีนล่วงหน้า พฤติการณ์ พล.อ.ประยุทธ์ มีลักษณะค้าความตาย คิดการใหญ่โต สร้างกำไรจากวัคซีนร่วมกับนายอนุทิน ชาญวีรกูล รมว.สาธารณสุข กอบโกยผลประโยชน์บนซากศพและคราบน้ำตาประชาชน พล.อ.ประยุทธ์ ยังลุแก่อำนาจใช้กำลังปราบปรามประชาชนที่ออกมาชุมนุมอย่างรุนแรงตามนิสัยความถนัดตนเอง และเห็นชอบใช้จ่ายงบประมาณจัดซื้ออาวุธของกองทัพต่อเนื่อง

“การที่ประชาชนติดเชื้อเสียชีวิตจำนวนมาก เป็นผลจากความไร้ภูมิปัญญา ไม่ยึดประโยชน์ของประเทศเป็นที่ตั้ง ใจดำ ทรยศความไว้วางใจประชาชน จากความโอหังและเสพติดอำนาจ ทำให้อยู่ในสภาพคนเป็นโรคโอหังคลั่งอำนาจ ไม่อยู่ในภาวะเป็นผู้นำประเทศ หากปล่อยให้บริหารประเทศต่อไป จะนำมาซึ่งความหายนะประเทศตามที่กล่าวกันว่า ผู้นำโง่เราจะตายกันหมด เพราะคนโง่ คือภัยอันตรายร้ายแรงเมื่อได้กลายเป็นผู้มีอำนาจ” ผู้นำฝ่ายค้าน กล่าว

“พปชร.” ประท้วงอ้าง “บิ๊กป้อม” สั่งปกป้องนายกฯ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างที่นายสมพงษ์ อ่านญัตติไม่ไว้วางใจ พล.อ.ประยุทธ์นั้น นายไพบูลย์ นิติตะวัน ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ คอยประท้วงอยู่เป็นระยะๆ โดยกล่าวหาว่า ใช้ถ้อยคำใส่ความ อาทิ ค้าความตาย ผู้นำโง่เราจะตายกันหมด ซึ่ง พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เป็นห่วง ไม่อยากให้มีการใส่ความกัน ขอให้พรรคพลังประชารัฐดูแลนายกรัฐมนตรี จะมาใส่ความกันไม่ได้ แต่นายชวนวินิจฉัยแล้ว เป็นการพูดตามญัตติ ไม่ขัดข้อบังคับ ทำให้นายครูมานิตย์ สังข์พุ่ม ส.ส.สุรินทร์ พรรคเพื่อไทย ลุกขึ้นประท้วงทันทีว่า โดยมารยาท เมื่อผู้นำฝ่ายค้านอ่านญัตติ จะไม่ประท้วงกัน แต่ผู้แทนก้าวเขย่ง ไม่รู้มารยาท ก่อนที่นายชวนจะรีบตัดบทให้นายสมพงษ์อ่านญัตติต่อไป

จวก “เสี่ยหนู” ขี้โม้–โอ้อวด ด้อยค่าโควิด-19

นายสมพงษ์ กล่าวว่า 2.นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.สาธารณสุข ขาดความรู้ ไร้ความสามารถ ดูแลงานสาธารณสุขของประเทศ มีพฤติกรรมคุยโม้โอ้อวด ทุจริตต่อหน้าที่ ใช้อำนาจขัดรัฐธรรมนูญและกฎหมาย ประเมินความรุนแรงของโรคผิดพลาดร้ายแรง เห็นว่าเป็นไข้หวัดธรรมดา หายได้เอง จึงละเลยเตรียมความพร้อมด้านสาธารณสุข ทำให้เวลา 4 เดือน มีประชาชนติดเชื้อสะสมเกือบ 9 แสนคน และมีผู้เสียชีวิตกว่า 7,000 คน ไม่มีสถานพยาบาลเพียงพอรักษาผู้ป่วย บางรายนอนเสียชีวิตกลางถนนหรือในบ้าน ระบบสาธารณสุขประเทศล้มเหลวสิ้นเชิง แต่นายอนุทินไร้ความสามารถทำให้สถานการณ์ยุติลง แต่แสวงหาผลประโยชน์จากการจัดหาวัคซีน การกระจายวัคซีนบนคราบน้ำตาและความเป็นความตายประชาชน 3.นายสุชาติ ชมกลิ่น รมว.แรงงาน ก็ไร้ภูมิปัญญา ทำให้ผู้ใช้แรงงานได้รับผลกระทบทั้งระบบ ละเลยให้แรงงานต่างด้าวเข้าเมืองผิดกฎหมายปะปนอยู่ในระบบแรงงาน เกิดการแสวงหาประโยชน์จากแรงงาน เป็นต้นเหตุการณ์แพร่ระบาดโรคโควิด-19 กระจายไปยังพื้นที่ต่างๆ ผู้ใช้แรงงานต้องตกงานจำนวนมาก นักศึกษาจบใหม่ไม่มีงานทำ และผิดพลาดร้ายแรงให้เกิดคลัสเตอร์ติดเชื้อใหม่ในโรงงานรายวัน ไม่มีมาตรการป้องกันอย่างมีประสิทธิภาพ

 ซัด “เสี่ยโอ๋” ฉ้อฉลรุกที่ดินรัฐ–เสเพลเป็นต้นตอโควิด

นายสมพงษ์ กล่าวต่อว่า 4.นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม มีพฤติการณ์ทุจริตต่อหน้าที่ มุ่งแสวงหากอบโกยผลประโยชน์จากโครงการขนาดใหญ่ของหน่วยงานที่อยู่ในกำกับ ไม่มีความซื่อสัตย์สุจริต บุกรุกครอบครองที่ดินรัฐนำมาเป็นของตนและเครือญาติโดยการฉ้อฉล ประพฤติตัวเสเพลไม่เหมาะสมกับตำแหน่ง เข้าไปในแหล่งอบายมุขเป็นต้นตอแพร่ระบาดเชื้อโควิด-19 ไปทั่วประเทศ มุ่งแสวงหาผลประโยชน์การเมือง 5.นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รมว.เกษตรและสหกรณ์ บริหารงานด้านการเกษตรล้มเหลวทั้งระบบ ทุจริตต่อหน้าที่ มีส่วนได้เสียเรียกรับผลประโยชน์จากโครงการของหน่วยงานที่กำกับดูแล เบียดบังทรัพยากรชาติให้พวกพ้อง ละเลยให้เกิดการแพร่ระบาดโรคในสัตว์ ส่งผลเสียหายแก่เกษตรกรจำนวนมาก ขณะที่มาตรการชดเชยเยียวยาแก่เกษตรกรไม่ทั่วถึงและเพียงพอ 6.นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ใช้ตำแหน่งหน้าที่และสื่อของรัฐบิดเบือนข้อเท็จจริง สร้างความแตกแยกในสังคม ทำลายบรรทัดฐานอันดีของสังคม มุ่งประโยชน์ทางการเมืองมากกว่าประโยชน์ประเทศ ไม่ปฏิบัติตามหลักการบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดี

 ฟาดยับนายกฯ ไร้ค่าในความทรงจำ

นายสมพงษ์ กล่าวว่า ขณะนี้ประเทศไทยมาถึงจุดวิกฤติ เป็นวิกฤติผู้นำรัฐบาลโอหังคลั่ง สะท้อนภาพบริหารจัดการล้มเหลว มีแต่แถลงตำหนิประชาชน บริหารงานด้วยปาก พ่นคำพูดเอาดีใส่ตัว เอาชั่วให้ประชาชน หลงตัวเอง แก้ปัญหาแบบเก่งคนเดียว ไม่ฟังเสียงประชาชน ขับเคลื่อนการทำงานแล้วถูกด่า ประชาชนต้องด่าด้วยความคับแค้น เพื่อใช้เป็นเครื่องมือป้องกันชีวิตตนเอง แต่ผู้นำยังยิ้มแย้ม จ๊ะจ๋าได้ตลอด เกรี้ยวกราดด่าทอโยนความผิดให้ประชาชน สิ่งเหล่านี้ นายกฯ ได้ยินหรือไม่ เพราะไม่มีประชาชนอยู่ในหัวใจ นายกฯ ยอมรับหรือไม่ว่า ใจดำ ไร้หัวใจเป็นมนุษย์ เป็นคำอธิบายชัดเจนที่สุด การบริหารราชการของ พล.อ.ประยุทธ์ ทุก 7 นาที มีคนไทยต้องตายเพราะบริหารโควิดล้มเหลว เกิดความสูญเสียวันละ 8 พันล้านบาท จากการล็อกดาวน์ผิดพลาด ขอถามว่า เหตุใดวัคซีนประสิทธิภาพต่ำจึงแพงกว่าวัคซีนประสิทธิภาพสูง แต่ยังดื้อดึงสั่งซ้ำซาก จนมีคำกล่าวว่า “หากไม่โง่ ก็คงโกง” ต้องตอบให้ได้ว่า คนของท่านมีผลประโยชน์ทับซ้อนอะไรที่ยิ่งใหญ่กว่าชีวิตประชาชน

“เป็นรัฐบาลกล้าค้าความตายกับประชาชน ควรพิจารณาลาออกจากความบกร่องทางสติปัญญา อารมณ์ของผู้นำ ขอให้ ส.ส.ฝ่ายรัฐบาลเข้าใจว่า ผู้นำอย่าง พล.อ.ประยุทธ์คือ ความอับอายของประเทศ ไม่สามารถนำพาประเทศพ้นวิกฤติได้ ไม่ใช่ผู้นำปัจจุบันที่แบกปัญหาวิกฤติได้ ไม่ใช่ผู้นำอนาคตที่เป็นความหวังลูกหลาน เป็นได้แค่สิ่งไร้ค่า ไร้ความหมายในความทรงจำของคนรุ่นต่อไป จึงไม่อาจไว้วางใจให้บริหารราชการต่อไป” นายสมพงษ์ กล่าว.