เมื่อวันที่ 31 ส.ค.ที่รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ลุกขึ้นชี้แจงสภาภายหลัง พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคเสรีรวมไทย ว่า ตนจำเป็นต้องชี้แจงในช่วงนี้ เพราะถือว่าในฐานะท่านเป็นรุ่นพี่ หลายอย่างรู้สึกว่าคิดไม่ตรงกันเท่าไหร่ อาจจะเนื่องจากประสบการณ์ที่ต่างกัน เพราะท่านเป็นแค่อดีตผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) แต่ตนเป็นนายกรัฐมนตรี ที่ท่านอ้างว่าตนไม่รู้เรื่องนู้นเรื่องนี้ เรื่องการบริหารงบประมาณกลาง ที่บอกว่าไม่มีความก้าวหน้าใช้เงิน เพื่อปูพื้นฐานทางการเมืองนั้น ท่านรู้ดีเหลือเกิน ตนไม่เคยทำแบบนี้ และไม่เคยคิดแบบนี้เลย ทุกคนรู้ดีอยู่แล้ว ถ้าอยู่ในรัฐบาลมาก่อน และต้องทราบถึงการใช้งบกลาง ยืนยันว่าการใช้จ่ายงบประมาณเป็นไปตามระเบียบสำนักงบประมาณในการตรวจสอบการใช้จ่าย มีการเสนอเข้าคณะรัฐมนตรี (ครม.) ซึ่งตนไม่สามารถชี้นิ้วสั่งอะไรได้เลย เพราะต้องผ่านการกลั่นกรองและตรวจสอบทุกประการ เพราะตนไม่อยากมีปัญหาในเรื่องทุจริตเหมือนก่อนหน้านี้ มันมีตัวอย่างให้เห็นอยู่แล้ว

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวต่อว่า ที่ท่านบอกว่าตนไม่มีผลงานอะไรเลย ท่านคงต้องกลับไปดูใหม่ เพราะในช่วงที่ผ่านมามีหลายโครงการออกมา แต่ท่านคงจะไม่เห็น เพราะอาจจะทำอะไรอยู่ ถ้าหากมองในมุมกว้างก็จะเห็นว่าประเทศไทยเปลี่ยนไป ทั้งดูแลกลุ่มเปราะบางมีการเพิ่มเติมงบประมาณช่วยเหลือเพิ่มกว่าเดิม ในส่วนของงบประมาณกระทรวงกลาโหมนั้น บางอย่างต้องทำและหลายอย่างอดไม่ได้ ที่ท่านถามว่ามีทหารไว้ทำไม มีไว้ก็ไม่ได้รบ ให้มาดูว่าวันนี้ทหารทำอะไรบ้าง การมีทหารไม่ใช่เอาไว้ใช้งานอย่างเดียว หรือไว้ใช้เพื่อรบ แต่มาช่วยงานในภารกิจของกองทัพโดยมีเงินเดือนให้เบี้ยเลี้ยงให้ไม่ได้มากมายอะไร เพราะช่วงนี้เป็นช่วงโควิด-19 ที่ต้องคอยช่วยเหลือประชาชน เรื่องการจัดซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์ทางทหาร ตนได้พูดมาหลายครั้งแล้วว่าเป็นสิ่งสำคัญ เพื่อให้เกิดความปลอดภัยกับทหารที่ไปปฏิบัติหน้าที่มีความเสี่ยง ที่ท่านบอกว่าไม่จำเป็นต้องซื้ออาวุธ เพราะยังไม่มีการรบ แต่ท่านแน่ใจได้อย่างไรว่าจะไม่มีการรบเกิดขึ้น จากผลกระทบต่างๆ ตามแนวชายแดน เราจะต้องเตรียมแผนเผชิญเหตุ ถ้ามาคิดทีหลัง วันหน้าก็กรุณารับผิดชอบด้วยแล้วกัน ที่บอกว่ามีหนี้ความจริงแล้วส่งต่อมาจากหลายรัฐบาล ในสมัยตนไม่มีเพิ่มขึ้น หากจะมีก็มาจากค่าใช้จ่ายด้านสาธารณูปโภคพื้นฐาน โครงสร้างพื้นฐาน รถไฟฟ้า น้ำ หรือสร้างถนน ซึ่งประชาชนทุกคนพอใจ 

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวชี้แจงถึงเรื่องการแต่งตั้งนายตำรวจ ว่า ตนแต่งตั้งอย่างโปร่งใส โดยให้ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) เป็นผู้พิจารณา และตั้งคณะกรรมการขึ้นมากลั่นกรอง ซึ่งตนคิดว่าทำได้ดีกว่าสมัยก่อนมาก ส่วนที่บอกว่าตนออกมาตรการมาเพื่อให้คนรักและเพื่อให้อยู่ต่อนั้น คิดว่าคงไม่ใช่ ถ้าจะอยู่ต่ออยู่ที่กระบวนการประชาธิปไตยตนไม่สามารถที่จะไปหลอกล่อใครเขาได้ และยังไม่รู้เลยว่าคน 30 หรือ 60 ล้านคนจะเลือกตนหรือเปล่า แต่ประชาชนที่ไม่พอใจก็รับเงินตรงนี้ไปแล้วทั้งสิ้น ทั้งนี้ ที่บอกว่าตนใช้อำนาจกับเด็กและเยาวชน มันเป็นเรื่องของกระบวนการศาลและกระบวนการยุติธรรม แล้วมาบอกว่าใช้อาวุธตนยังไม่เห็นตำรวจจะถืออาวุธจริงสักคน ท่านเป็นอดีต ผบ.ตร.มองไม่ออกหรือว่าอันไหนของจริง อันไหนของปลอม หรืออันไหนเป็นกระสุนยาง ทำไมถึงมองว่าตำรวจใช้ความรุนแรง ซึ่งขัดกับความเป็นจริง ยืนยันว่าตนไม่ได้สั่งการให้ใช้อาวุธจริง จากนี้ต้องคอยดูต่อไปว่าเกิดจากแรงหนุนของใครเป็นคนทำให้ความรุนแรง

พล.อ.ประยุทธ์ ยังกล่าวยืนยันว่าแม้อยู่ในมาตรการ work from home ตนก็ประชุมออนไลน์ทุกวัน และประชุมที่ทำเนียบรัฐบาลสั่งการให้รัฐมนตรีลงไปช่วยเหลือประชาชนอย่างต่อเนื่องและตนก็ลงพื้นที่บ้าง ทั้งนี้ ยืนยันว่าเรื่องเงินทอนหากกล่าวหาให้ไปหาหลักฐานมาว่าใครได้บ้าง ตนพร้อมให้ตรวจสอบ ถ้าตั้งเรื่องมาตนก็สู้ ชี้แจงไปตามข้อเท็จจริง อย่ามาบอกว่าตนใช้อำนาจ ท่านเข้าใจอะไรไม่ค่อยถูกต้อง  

“ท่านบอกว่า ได้บริจาคเงินช่วยโควิด-19 ผมต้องขอขอบคุณ แต่ผมไม่ได้มีธุรกิจ รีสอร์ท โรงแรมหรือมีลูกหลาน ทำธุรกิจ ผมมีแต่เงินเดือน และไม่เคยได้รับประโยชน์จากใครทั้งสิ้น ผมยืนยันได้ผมสวดมนต์ทุกวัน เพราะฉะนั้นผมจะไม่ทำอะไรที่มันผิด ที่ผมจำเป็นต้องพูดกับท่าน เพราะท่านเป็นรุ่นพี่ผม น้องที่เคารพอยู่ ก็ขอให้ท่านระวังไว้แล้วกันว่าวันหน้าเขาจะไม่เคารพ เพราะวันนี้เด็กเขาคิดเป็นแล้ว จริงๆ แล้วยังไม่ถึงเวลาที่ผมต้องพูด แต่เพราะว่าเป็นพี่ผม ก็เลยต้องตอบ เพราะท่านตำหนิน้องมากไป ก็ไม่ได้โกรธเคืองท่าน เป็นฝ่ายค้านจะมาชื่นชมก็คงไม่ใช่ แต่ขอให้คำนึงถึงความจริง ขอให้ประชาชนที่อยู่ที่บ้านมองผมว่าผมพูดด้วยหัวใจ จากสมองอันน้อยนิด ที่ท่านพูดถึง อย่าลืมว่าผมมีประสบการณ์มาแล้ว 7 ปีและตรงนี้คือความแตกต่างที่ผมรู้มากกว่าท่าน” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวชี้แจงทิ้งท้ายยืนยันว่ารัฐบาลทำหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์ เป็นห่วงเป็นใยประชาชน พิจารณาตามสถานการณ์ที่เกิดขึ้น หลายอย่างที่พูดทั้งเรื่องวัคซีน เรื่องการบริหารจัดการรองนายกรัฐมนตรีจะเป็นผู้ชี้แจง และชี้แจงได้ทั้งหมด ขอให้ฟัง หากไม่ใช่ ให้ไปตรวจสอบ ถ้าไปพูดข้างนอกอาจจะมีปัญหา ตนไม่ได้ขู่ เพราะตนพูดในสภาฯ จะต้องระมัดระวังเหมือนกัน เพราะประชาชนอาจจะเข้าใจผิด ขออนุญาตพูดเท่านี้ก่อน ด้วยความเคารพรุ่นพี่.