เมื่อเวลา 16.48 น. วันที่ 31 ส.ค.ที่รัฐสภา ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายสุชาติ ตันเจริญ รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่ 1 ทำหน้าที่ประธานในที่ประชุม เพื่อพิจารณาญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไป เพื่อลงมติไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล โดย นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน พรรคเพื่อไทย กล่าวอภิปราย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ว่า เหตุการณ์วันนี้จะไม่เกิดขึ้นเลย ถ้าพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม และนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.สาธารณสุข มีสำนึกและมีความรับผิดชอบในสิ่งที่เกิดกับประชาชนและประเทศ รวมถึงจะไม่เกิดการอภิปรายไม่ไว้วางใจ ตอนนี้มีประชาชนตายชั่วโมงละไม่ต่ำกว่า 10 คน แต่ละชั่วโมงมีผู้ติดเชื้อไม่ต่ำกว่า 1,000 คน 

ตนจึงไม่ไว้วางใจให้พล.อ.ประยุทธ์และนายอนุทิน ที่ได้สร้างความเสียหายยับเยิน มีประชาชนสูญเสียด้วยชีวิตของตัวเอง สูญเสียด้วยชีวิตของคนที่เรารัก และยังทำลายชีวิตตั้งแต่ในครรภ์จนถึงเชิงตะกอน ไม่มีใครรอดชีวิตจากการบริหารราชการแผ่นดินของพวกท่าน  และตนเชื่อว่าผู้ที่จากไปรวมกว่า 12,000 คน จากไปโดยจดจำใบหน้าคนที่ทำให้พวกเขาต้องตายอย่างทุกข์ทรมาน ซึ่งทำให้พวกเขาไม่ไปสู่สุคติ เกิดความพยาบาทและจองเวร หลายชีวิตเข้าโลงศพและเข้าสู่เมรุโดยไร้พิธีกรรม ตายแบบไร้ญาติ เพราะต้องรีบเผาศพทันทีตามมาตรการควบคุมโรค

จากนั้น นพ.ชลน่านได้ขอให้ ส.ส.ที่อยู่ในห้องประชุมร่วมกันลุกขึ้นยืนไว้อาลัยส่งวิญญาณของประชาชนที่เสียชีวิตจากโรคโควิด-19  โดยมี ส.ส.พรรคเพื่อไทยจำนวนหนึ่งที่สวมใส่ชุดสีดำ ร่วมยืนไว้อาลัยด้วย ขณะที่ นพ.ชลน่าน กล่าวว่า แด่ดวงวิญญาณทุกดวงที่จากไป แด่ชีวิตที่ต้องสิ้นสุดไปในวัยอันที่มิสมควรด้วยเหตุที่มิสมควร ความทุกข์ทรมานวินาทีสุดท้ายที่จะเป็นสิ่งอาฆาต พยาบาท จองเวร  ณ บัดนี้ พวกเขาทั้งหลายขออโหสิกรรมในสิ่งที่เกิดขึ้นแล้ว อย่าได้จองเวรจองกรรมกันอีกเลย ยกเว้นกรรมเวรนั้นจะไปผูกหรือก่อกับผู้ใดที่กระทำความเลวร้ายเหล่านี้ ขอดวงวิญญาณของพวกท่านไปสู่สุคติด้วยเทอญ”

นพ.ชลน่าน กล่าวอีกว่า พล.อ.ประยุทธ์และนายอนุทินบริหารงานผิดพลาด บกพร่อง และล้มเหลว เกิดความเสียหายอย่างร้ายแรง ซึ่งมูลเหตุของสิ่งที่เกิดขึ้น คือ ทั้งสองไร้ภูมิปัญญาและสั่งการโดยไม่เป็นไปตามข้อมูลและข้อเท็จจริง ที่มี หมอประยุทธ์ตรวจร่างกายก็ไม่เป็น วินิจฉัยโรคก็ไม่เป็น อาศัยแต่ใบผลตรวจจากห้องปฏิบัติการแล้วไปสั่งยา เอาใบสั่งยาไปให้เภสัชกรแล้วได้รับคำตอบว่าโรงพยาบาลเรามียาพาราเซตามอล เขาก็เอายาพาราเซตามอลไปรักษาโควิด ไร้วิสัยทัศน์ รวบอำนาจ ไม่เห็นคนอื่นอยู่ในสายตา เป็นโรคหลงตัวเอง ชอบแสวงหาประโยชน์ และทุกวันนี้ก็อาการหนัก เป็นโรคโอหังคลั่งอำนาจ นำไปสู่การใช้กลไกลการบริหารราชการแผ่นดินตามอำเภอใจ 3.ทุจริตในการทำหน้าที่และหากินบนความตาย เห็นแก่ประโยชน์ เรียกได้ว่า “โง่ บ้า โกง” แม้พวกท่านบอกว่าไปตรวจสอบได้เลย เพราะไม่มีประวัติการเรียกรับเงินใดๆ แต่คนทั่วประเทศรู้กันหมดว่ากลไกการได้ประโยชน์กองไว้อยู่ตรงไหน อย่างไร

นพ.ชลน่าน กล่าวว่า ตนไม่กล้าเรียกพล.อ.ประยุทธ์ว่าเป็นผู้นำ เพราะเป็นแค่ผู้สั่งการ เนื่องจากไม่มีวิสัยทัศน์ความเป็นผู้นำ ทำในสิ่งที่ตรงข้ามกับแนวทางการบริหารในภาวะวิกฤติ และเรื่องที่เลวร้ายที่สุด คือการสื่อสารอย่างผิดพลาดของ พล.อ.ประยุทธ์ที่ทำให้วงแตกทุกครั้ง ทั้งที่การสื่อสารของคนเป็นผู้นำนั้นควรทำให้ประชาชนมีความหวังและกำลังใจ อีกทั้งท่านมอบหมายให้โฆษก ศบค. โฆษกรัฐบาล และทีมงานที่ออกมาสื่อสารกับประชาชน เคยออกมาขอโทษและแสดงความเป็นมนุษย์บ้างหรือไม่ มีแต่โทษประชาชนว่าการ์ดตก อีกทั้งนายกฯแต่งตั้งบุคคลที่มีคุณสมบัติเหมาะกับการปะทะ เป็นเชื้อปะทุมาปะทะกับประชาชน และช่วงใกล้การอภิปรายไม่ไว้วางใจฯ ท่านกดตัวเลขผู้ติดเชื้อ และผู้เสียชีวิต ตั้งแต่เรายื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจตั้งแต่วันที่ 16 ส.ค.-31 ส.ค. ตัวเลขผู้ติดเชื้อลดลงอย่างสวยงาม และลดลงอย่างมีนัยสำคัญ นี่คือการกลบเกลื่อนสร้างภาพ เพื่อความอยู่รอด และความมั่นคงของรัฐบาล ทั้งที่จริงเป็นเพราะตรวจน้อย 

นพ.ชลน่าน กล่าวอีกว่า สิ่งที่เกิดขึ้น อธิบดีกรมควบคุมโรคได้รายงานสถานการณ์อย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่มีการแพร่ระบาดที่สถานบันเทิงย่านทองหล่อว่า ถ้าพล.อ.ประยุทธ์และนายอนุทินไม่ทำอะไร ยอดผู้ติดเชื้อจะเพิ่ม 10,000 รายต่อวัน ซึ่งแปลว่าพวกท่านรู้ว่าสถานการณ์เป็นอย่างไร แต่ปล่อยปละละเลย ซึ่งเป็นสิ่งที่ตนจะนำพวกท่านเข้าคุก โดยข้อกล่าวหาที่ 1 คือ ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ และไม่สุจริต มีพฤติกรรมฉ้อฉลทุจริตต่อหน้าที่ จงใจใช้อำนาจหน้าที่ขัดต่อรัฐธรรมนูญ กฎหมาย มติคณะรัฐมนตรี (ครม.) และข้อสั่งการนายกฯ อาทิ ข้อสั่งการนายกฯ เมื่อวันที่ 21 พ.ค.2564 ที่ระบุว่าประชาชนที่ประสงค์ฉีดวัคซีนต้องได้ฉีด ขัดรัฐธรรมนูญ มาตรา 47 และมาตรา 55 กรณีการฉีดวัคซีนและการรักษาพยาบาลไม่เสียค่าใช้จ่าย เป็นการบริการสาธารณสุขของรัฐ และการไม่เข้าร่วมโครงการโคแวกซ์ ซึ่งแสดงให้เห็นว่า พล.อ.ประยุทธ์ไม่ได้ทำตามข้อสั่งการของตัวเอง

นพ.ชลน่าน กล่าวอีกว่า ข้อกล่าวหาที่ 2 ทำระบบสาธารณสุขล้มเหลว ล้มละลาย ข้อกล่าวหาที่ 3 เลือกปฏิบัติ ไม่สร้างการมีส่วนร่วมของภาคเอกชนในการจัดหาวัคซีน และข้อกล่าวหาที่ 4 ปฏิบัติ ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต จงใจใช้อำนาจหน้าที่ขัดต่อรัฐธรรมนูญ กฎหมาย มติครม. และข้อสั่งการของนายกฯ ในการจัดหา จัดซื้อชุดตรวจแบบแอนติเจน เทสต์ คิท หรือเอทีเค ทั้งนี้ หลังการอภิปรายเสร็จสิ้น เราจะยื่นต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เพื่อส่งต่อไปยังศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง นอกจากนี้จะร้องต่อศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลางด้วย  

“นายกฯเป็นชายชาติทหาร ถวายสัตย์ปฏิญาณ ท่านอาจมีเจตจำนงที่ดีในการเข้ามาช่วยบ้านเมือง แต่ท่านมีมโนธรรมที่ดี ถ้าท่านมีความรับผิดชอบต่อบ้านเมือง ถ้าท่านประกาศลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ผมเชื่อว่า 3 เดือนให้หลัง ท่านจะเป็นวีรบุรุษในหัวใจของพวกเราทุกคน” นพ.ชลน่าน กล่าว