เมื่อวันที่ 31 ส.ค. ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร เพื่อพิจารณาพิจารณาญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไป เพื่อลงมติไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล  วันแรก  

พล.ต.ต.สุพิศาล ภักดีนฤนาถ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล อภิปรายไม่ไว้วางใจพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ว่า พล.อ.ประยุทธ์ ไร้จิตสำนึก ไร้ความรับผิดชอบ ไร้คุณธรรม จริยธรรม ไร้ความสามารถเป็นผู้นำประเทศ ทำให้การบริหารราชการแผ่นดินล้มเหลวทุกด้าน ใช้อำนาจขัดรัฐธรรมนูญในลักษณะค้าความตาย ทรยศต่อความไว้วางใจประชาชน ตนเป็นอดีตนายตำรวจน้อยๆ ยอมรับไม่ได้ที่ พล.อ.ประยุทธ์กำลังทำให้องค์กรตำรวจ เปลี่ยนจากผู้พิทักษ์สันติราษฎร์มาเป็นกลไกปราบปรามประชาชน ทั้งนี้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินไม่ได้ถูกออกแบบมาแก้ไขปัญหาวิกฤติโรคระบาด แต่ออกมาเพื่อใช้ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ พรรคก้าวไกลคัดค้านตั้งแต่ต้น และเตือนนายกฯ ว่าต้องใช้อำนาจตามพ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ สำหรับการควบคุมด้านสาธารณสุขเท่านั้น แต่ฉวยโอกาสนำกฎหมายพิเศษมาปราบปรามประชาชน ควบคุมสื่อมวลชนที่วิพากษ์วิจารณ์รัฐบาล และเพื่อปราบการชุมนุมที่ขับไล่นายกฯ ในประเด็นความเดือดร้อน พล.อ.ประยุทธ์จงใจใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ ที่เป็นเกราะกำบังให้พวกท่านไม่ต้องรับผิดชอบกฎหมายเหมือนกับที่เคยล้อมปราบประชาชนปี 53 ด้วยคำสั่งอำมหิต

พล.ต.ต.สุพิศาล อภิปรายต่อว่า การสลายการชุมนุมเจ้าหน้าที่ยิงใส่ใบหน้าและตัวของผุู้ชมนุม รวมถึงสื่อมวลชน โดยเฉพาะไฮโซลูกนัท ที่ถูกแก็สน้ำตายิงตรงๆ เข้าใบหน้า ยืนยันว่าการกำลังขัดหลักสากลและผิดกฎหมายชัดเจน มีแรงจูงใจทางการเมือง ตนมีความฝันว่าอยากเห็นตำรวจพัฒนา อยากเห็นตำรวจออกมาปกป้องสิทธิเสรีภาพ รักษาความปลอดภัยให้ประชาชนในระบอบประชาธิปไตย ไม่อยากเห็นตำรวจถูกบีบให้ต้องออกมาหาลำไพ่พิเศษ และไม่มีตั๋วช้าง แต่กลับถูกนายทหารนอกแถว อย่างพล.อ.ประยุทธ์ทำลายศักดิ์ศรีตำรวจ ปฏิรูปตำรวจแบบจอมปลอม ตนเสนอแนะนำว่าตำรวจยุคใหม่ต้องเป็นตำรวจอาชีพ ไม่รับใช้นักการเมือง และไม่ให้นักการเมืองมาครอบครอง ตำรวจต้องขึ้นตรงกับประชาชนตามหลักธรรมาภิบาล ตนจึงขอไม่ไว้วางใจ พล.อ.ประยุทธ์

ด้าน น.ส.ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ ส.ส.กทม. พรรคเพื่อไทย อภิปรายไม่ไว้วางใจพล.อ.ประยุทธ์ว่า ล่าสุดมีเยาวชนออกมาเรียกร้องให้พล.อ.ประยุทธ์ลาออก แต่ท่านกลับหันไปโทษครูบาอาจารย์ว่าไม่สอนเด็ก ตนขอตอบแทนว่า พล.อ.ประยุทธ์ควรส่องกระจกว่าเป็นตัวอย่างที่ดีต่อเยาวชนหรือไม่ ซึ่งพล.อ.ประยุทธ์ปฏิเสธไม่ได้ว่าเป็นผู้สั่งการ เพราะท่านกำกับดูแลสำนักงานตำรวจแห่งชาติ วันนี้ท่านต้องคิดว่าที่ประชาชนออกมาเรียกร้องใช้ความรุนแรงกลางเมือง ท่านต้องละอายใจตนเองและทำตามสิ่งที่เคยพูดไว้ นายกฯเป็นศูนย์กลางปัญหาต้องแสดงความรับผิดชอบ นายกฯมีพฤติกรรมออกคำสั่งกลับไปมา จนสร้างความสับสนให้กับประชาชน จนผู้ปฏิบัติงานปล่อยเกียร์ว่าง เป็นพฤติกรรมที่ติดมาตั้งแต่ยึดอำนาจใหม่ๆ รวมถึงยังขาดความเข้าใจผู้อื่น นายกฯควรเห็นใจเพื่อนมนุษย์ด้วยกันในการแก้ไขปัญหาโควิด ส่วนเรื่องโควิด-19 ส.ส.นำเรื่องเข้าสภาฯหลายครั้ง แต่ไม่เคยเปิดหูเปิดใจรับฟัง สิ่งที่เกิดขึ้นคือนำเรื่องการเมืองนำการแพทย์ ทำให้เกิดการทับซ้อนในการแก้ไขปัญหา พล.อ.ประยุทธ์และคณะไร้ความสามารถ โดยเฉพาะการจัดหาวัคซีน กรรมจึงมาตกกับประชาชนคนไทย และการเยียวยาที่ชัดเจนก็ยังไม่มี