สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงจาการ์ตา ประเทศอินโดนีเซีย เมื่อวันที่ 1 ก.ย.ว่านายอภิเษก ไรมัล ผู้ประสานงานด้านภาวะฉุกเฉินสาธารณสุขประจำภูมิภาคเอเชียและแปซิฟิก ของสหพันธ์สภากาชาดและสภาเสี้ยววงเดือนแดงระหว่างประเทศ ( ไอเอฟอาร์ซี ) กล่าวว่า ไอเอฟอาร์ซีมีความกังวลอย่างยิ่ง เกี่ยวกับการผ่อนคลายมาตรการควบคุมทางสังคม ในประเทศซึ่งยังคงไม่สามารถบริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ได้ตามเกณฑ์ทั้งหมดขององค์การอนามัยโลก ( ดับเบิลยูเอชโอ )
ปัจจุบัน ในภูมิภาคแห่งนี้ยังคงมีการเแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสสายพันธุ์เดลตา ซึ่งมีอัตราการแพร่ระบาดอย่างรวดเร็ว แต่การผ่อนคลายในขณะที่อัตราการฉีดวัคซีนยังคงต่ำ อาจส่งผลให้จำนวนผู้ติดเชื้อกลับมาเพิ่มขึ้นอีกภายในไม่กี่วันข้างหน้า
ทั้งนี้ ผู้ประสานงานของไอเอฟอาร์ซีไม่ได้พาดพิงนโยบายของประเทศใดประเทศหนึ่งอย่างเจาะจง แต่ในสัปดาห์นี้ สองประเทศขนาดใหญ่ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ผ่อนคลายมาตรการควบคุมหลายส่วน เพื่อให้ระบบเศรษฐกิจของประเทศซึ่งมีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 1 และ 2 ของภูมิภาค กลับมาขับเคลื่อนได้บ้าง ท่ามกลางวิกฤติโรคระบาดที่ยังคงคุมเร้า
แม้อินโดนีเซียยืนยันผู้ป่วยโรคโควิด-19 จำนวน 10,534 คน เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา ลดลง 5 เท่าจากช่วงสูงสุด เมื่อกลางเดือน​ ก.ค. ส่วนไทยยืนยันผู้ป่วยใหม่ 14,802 คน เมื่อวันพุธ ลดลง 37%  จากเมื่อกลางเดือน​ ส.ค.ที่ผ่านมา แต่สัดส่วนผลตรวจเป็นบวกของอินโดนีเซียอยู่ที่ 12% และ 34% สำหรับไทย สูงเกินเกณฑ์ของดับเบิลยูเอชโอ ซึ่งกำหนดไว้ที่ 5% จึงเหมาะสมแก่การผ่อนคลายมาตรการ
ด้านอัตราการฉีดวัคซีนเข็มแรกของทั้งสองประเทศอยู่ที่ประมาณ 30% แต่เข็มที่สองของอินโดนีเซียอยู่ที่ 17% และไทย 11% อย่างไรก็ดี อัตราการฉีดในเมืองหลวงของทั้งสองประเทศ คือกรุงจาการ์ตาและกรุงเทพมหานคร สูงกว่านั้นมาก ขณะที่ผู้สันทัดกรณีมองว่า การผ่อนคลายล็อกดาวน์เพื่อเปิดเศรษฐกิจเป็นเรื่องที่เข้าใจได้ แต่เพื่อป้องกันไม่ให้ต้องวนกลับเข้าสู่วงจรล็อกดาวน์ซ้ำแล้วซ้ำอีก​ "วัคซีนที่มีคุณภาพ" คือ "คำตอบสุดท้าย".

เครดิตภาพ : AP