จากกรณี นางสรารัตน์ หรือ แอม รังสิวุฒาภรณ์ อายุ 36 ปี เท้าแชร์ใน จ.กาญจนบุรี ผู้ต้องหาคดีฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน และข้อหาลักทรัพย์ ได้กระทำความผิด นำสารเคมีไซยาไนด์มาใช้วางยาจนปรากฏผู้เสียชีวิต และผู้ที่คาดว่าเสียชีวิตจากไซยาไนด์กว่า 13 ราย เนื่องด้วยหวังเอาทรัพย์สินและฆ่าล้างหนี้จากการทำวงแชร์ รวมถึงขณะนี้ เจ้าตัวยังอยู่ระหว่างการฝากขังผัดแรกของพนักงานสอบสวน ภายในทัณฑสถานหญิงกลาง และยังตั้งครรภ์ 4 เดือน อยู่ด้วยนั้น
ความคืบหน้าเมื่อวันที่ 29 เม.ย. ผู้สื่อข่าว “เดลินิวส์” ได้รับการเปิดเผยถึงอาการล่าสุดของ แอม-สรารัตน์ โดย นางโศรยา ฤทธิ์อร่าม ผอ.ทัณฑสถานหญิงกลาง เปิดเผยว่า นางสรารัตน์ ยังคงอยู่ในห้องกักโรคและยังคงมีความดันปกติ แม้ว่าคืนแรกจะมีความดันสูง แต่ทางแพทย์ของทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ ก็ได้มีการจ่ายยารักษาอาการจนมีความทุเลาลง รวมถึงปัจจุบัน ตนก็ได้รับรายงานว่า นางสรารัตน์ไม่ได้มีปัญหาในเรื่องความดันแล้ว อีกทั้งมื้อเย็นวานนี้ (28 เม.ย.) ก็สามารถรับประทานอาหารได้ อย่างไรก็ตาม เบื้องต้นนางสรารัตน์ ยังไม่ได้มีการร้องขออุปกรณ์อื่นใดเพิ่มเติมจากเจ้าหน้าที่ผู้คุม นอกจากนี้ ทางด้านทนายความของนางสรารัตน์ ก็ได้เข้าเยี่ยมพูดคุยกับลูกความตัวเอง คาดว่าเป็นการพูดคุยในเรื่องของคดีความที่เกิดขึ้น
เหยื่อ “แอม”โผล่พุ่ง20ศพ พฤติกรรมสุดแสบทำลายหลักฐานอำพรางร่องรอยทันที…
นางโศรยา กล่าวว่า จากการอยู่ในเรือนจำฯ พบว่านางสรารัตน์ มีการปรับตัวได้ดี มีความเฟรนด์ลี่ (Friendly) โดยพยายามชวนผู้ต้องขังอื่นๆ ในห้องกักโรคพูดคุย และไม่ได้มีการปลีกวิเวกหรือเก็บตัว ส่วนในเรื่องชีพจรของเด็กในครรภ์ปกติแล้ว ในกรณีของผู้ต้องขังที่ตั้งครรภ์ เราจะมีการตรวจชีพจรของเด็กในครรภ์เสมอ และชีพจรเด็กในครรภ์ของนางสรารัตน์ ยังปกติเช่นเดียวกัน ส่วนทางด้านของญาติ ยังไม่ได้มีการเปิดบิลออร์เดอร์ซื้ออาหารหรืออุปกรณ์ข้าวของเครื่องใช้แต่อย่างใด ยังคงใช้อุปกรณ์และรับประทานอาหารของราชทัณฑ์ และตนยังไม่ได้รับรายงานเรื่องซึมเศร้าหรือการร้องไห้ฟูมฟาย
ส่วนเรื่องการตั้งครรภ์ของนางสรารัตน์ และชีวิตของบุตรในครรภ์หลังจากคลอดนั้น นางโศรยา อธิบายว่า ในกรณีที่นางสรารัตน์คลอดบุตร ช่วงแรกๆ แม่และลูกจะได้อยู่ด้วยกันก่อน เพราะแม่จะต้องให้นมบุตรประมาณ 4 เดือน หรือถ้าหากหลังจากให้นมบุตรเสร็จสิ้น ทางญาติและครอบครัวอาจจะเข้ามารับเด็กออกไปก่อนก็ได้ ซึ่งขึ้นอยู่กับความพร้อมของครอบครัวนั้นๆ แต่ถ้าหากไม่มีญาติมารับเด็กออกไป ก็อาจจะมีการส่งตัวเด็กไปยังสถานที่ที่รับดูแลเลี้ยงเด็กแทน เพราะเราจะไม่ให้เด็กๆ ต้องเติบโตอยู่ในที่แห่งนี้ และจะไม่ให้ถึงอายุ 1 ขวบ เพราะเด็กอาจจดจำสิ่งต่างๆ ได้ ทั้งนี้ ทางราชทัณฑ์เรามีบุคลากรและโปรแกรมสำหรับช่วยดูแลผู้ต้องขังที่ตั้งครรภ์ ไม่ว่าจะเป็นการอ่านหนังสือนิทานให้ฟัง การเปิดเพลงบรรเลงเพลงโมสาร์ท การเรียนโยคะ กิจกรรมฝึกการเลี้ยงบุตร เพื่อเตรียมความพร้อมพัฒนาการให้กับเด็กในครรภ์ จากนั้นเมื่อเด็กคลอด ก็จะมีห้องและพี่เลี้ยง เพื่อช่วยเลี้ยงและดูแลทารกที่เพิ่งคลอด ส่วนคนเป็นแม่ก็ใช้ชีวิตปกติ และในช่วงกลางคืน ถึงจะให้แม่และลูกได้นอนด้วยกัน ยืนยันว่าทางราชทัณฑ์ให้ความดูแลแก่ผู้ต้องขังทุกคนอย่างเท่าเทียมกัน.