เมื่อเวลา 13.35 น. วันที่ 2 พ.ค. ที่ รอยัลพารากอนฮอลล์ ชั้น 6 ห้างสยามพารากอน กรุงเทพฯ ผู้สื่อข่าวรายงาน เวที “สงคราม 9 พรรค THE LAST WAR” โดยความร่วมมือ 2 สื่อค่ายยักษ์ใหญ่ “เดลินิวส์ x เครือมติชน” จัดระดม 9 ตัวแทนคนรุ่นใหม่ (Young Blood) เสนอมุมมองสดใสขับเคลื่อนประเทศไทยในอนาคต พร้อมด้วยขุนพลขุนศึกตัวตึงและแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี จาก 9 พรรคการเมืองมาประชันนโยบาย ดีเบตเข้มข้น การเมือง เศรษฐกิจ สังคม เพื่อคนไทยทั้งประเทศได้นำไปวิเคราะห์ด้วยตัวเอง ก่อนไปใช้สิทธิตัดสินใจในวันเลือกตั้ง 14 พ.ค. นี้
บรรยากาศเวที “ขุนศึก ประจัญบาน” ประกอบด้วย ขุนพลขุนศึกตัวตึงและแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี จาก 9 พรรคการเมืองมาประชันนโยบายดีเบตเข้มข้น การเมือง เศรษฐกิจ สังคม ได้แก่ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ตัวแทนพรรคก้าวไกล, นายชาติชาย พยุหนาวีชัย ตัวแทนพรรคชาติไทยพัฒนา, นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ตัวแทนพรรคเพื่อไทย, นายเกียรติ ลัทธีอมร ตัวแทนพรรคประชาธิปัตย์, นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ ตัวแทนพรรคภูมิใจไทย, นายอรรถวิชช์ สุวรรณภักดี ตัวแทนพรรคชาติพัฒนากล้า, นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ ตัวแทนพรรคพลังประชารัฐ, น.ต.ศิธา ทิวารี ตัวแทนพรรคไทยสร้างไทย และนายวินท์ สุธีรชัย ตัวแทนพรรครวมไทยสร้างชาติ โดยแบ่งเป็น 3 กลุ่ม เริ่มที่กลุ่มแรกได้แก่ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ นายวินท์ สุธีรชัย และ น.ต.ศิธา ทิวารี พร้อมด้วยคำถามการเมืองว่า แนวคิดไล่คน “ชังชาติ” ออกนอกประเทศ พรรคของท่านเห็นด้วยหรือเห็นต่างอย่างไร

นายชาติชาย พยุหนาวีชัย ทีมเศรษฐกิจหลักพรรคชาติไทยพัฒนา กล่าวว่า เรายึดมั่นในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข เพราะฉะนั้นเราจะไม่ส่งเสริมการรัฐประหาร รากเหง้าของการปฎิวัติซ้ำซ้อนเกิดจากปี 2496 ที่ศาลฎีกาได้มีคำตัดสินว่า หากปฏิวัติสำเร็จแล้วจะมีอำนาจประชาธิปไตยที่เป็นรัฏฐาธิปัตย์ก่อน ดังนั้นประชาชนต้องลงประชามติว่าจากนี้เราไม่ต้องการรัฐประหารอีกต่อไป แต่ถ้าหากมีการรัฐประหารเกิดขึ้นต้องมีบทลงโทษ หากเราต้องการประชาธิปไตยที่สมบูรณ์แบบ และเต็มใบ เราต้องหยุดการทำให้เกิดการรัฐประหาร
นายชาติชาย กล่าวอีกว่า นโยบายข้อหนึ่งของพรรคชาติไทยพัฒนาที่ต้องการให้มี คือ การร่างรัฐธรรมนูญฉบับประชาชน และแก้ไขเรื่องบทลงโทษของผู้ทำรัฐประหารว่า เราต้องทำให้การลงโทษผู้ทำรัฐประหารเป็นจารีตประเพณี หากทำได้ก็จะไม่มีการรัฐประหารต่อไป ส่วนเรื่องนโยบายเศรษฐกิจนั้น พรรคชาติไทยพัฒนาเน้นเรื่องการสร้างงานสร้างอาชีพ สร้างเครื่องมือทำมาหากินให้กับประชาชน เพื่อประชาชนจะได้กินดีอยู่ดีและการทำให้ประชาชนมีรายได้สูงขึ้นนั้นไม่จำเป็นต้องขึ้นภาษี และเรียนว่าประเทศไทยปัจจุบันนั้นบุคคลธรรมดายื่นเสียภาษีแค่ 10.3 ล้านคน แต่เสียจริงแค่ 4.17 ล้านคน ตัวเลขเหล่านี้ทำให้เห็นว่าประเทศเรานั้น มีคนเสียภาษีในประเทศน้อยแต่ถ้าเราสร้างงาน สร้างอาชีพ สร้างเครื่องมือทำมาหากิน เราจะสามารถลดภาษีให้กับประชาชนได้ และผลักดันประชาชนเข้าสู่ระบบการเสียภาษีได้
นายชาติชาย กล่าวต่อว่า การบริหารงบประมาณรายจ่ายเป็นสิ่งสำคัญ ดังนั้น เราต้องเริ่มจากการเป็นรัฐบาลดิจิทัล จึงจะสามารถลดต้นทุนต่างๆ ได้ และในการปฏิรูปการศึกษานั้น เราจะเรียนสิ่งที่ใช่ ใช้ในสิ่งที่เรียน พรรคเราจะเน้นการแนะแนว เพราะเราไม่รู้ว่าต่อไปในอนาคตเราจะเป็นอย่างไร จึงต้องเติมความรู้ผ่านการแนะแนวจากผู้ที่ประสบความสำเร็จในอาชีพนั้นๆ การยกเลิกวิชาเรียนนั้น จะยกเลิกกระบี่กระบอง แต่ที่ต้องทำคือ ลดเวลาเรียน เพิ่มประสบการณ์ชีวิตเพื่อใช้ทำมาหากิน