เมื่อวันที่ 3 ก.ย. ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งว่า มีสองสามีภรรยาพิการ ชาวบ้าน ต.ป่าเลา อ.เมืองเพชรบูรณ์ ถูกมิจฉาชีพอ้างเป็นพนักงานส่งเอกสารและพัสดุบริษัทแห่งหนึ่งหลอกให้โอนเงินเพื่อซื้อเครื่องใช้ไฟฟ้าราคาถูกสูญเงินไปกว่า 30,000 บาท หลังจากได้รับเงินยอมรับตรงๆ ว่าเป็นมิจฉาชีพพร้อมอ้างมีแบ็คหลังดี รู้จักกับทนายชื่อดังและน้องสาวเป็นเพื่อนกับ ผกก.โจ้ จึงเดินทางไปตรวจสอบ

พบนางจันที สีทองคำ อายุ 53 ปี เป็นชาวบ้าน ต.ป่าเลา อ.เมืองเพชรบูรณ์ ผู้เสียหายเปิดเผยว่า ตนมีความพิการทางขา เดินไม่ได้ ส่วนสามีชื่อนายสมควร สีทองคำ อายุ 53 ปี พิการแขนแต่ก็ยังสามารถทำงานได้ โดยไปเป็นลูกจ้างรับส่งเอกสารของหน่วยงานแห่งหนึ่งในตัวเมืองเพชรบูรณ์ ส่วนตนเองทำงานรับจ้างเย็บเสื้อผ้า สานตะกร้าขาย ใช้จ่ายกันอย่างประหยัด

เมื่อวันที่ 29 ส.ค.ที่ผ่านมา ได้มีผู้อ้างตัวว่า เป็นพนักงานพนักงานส่งเอกสารและพัสดุบริษัทแห่งหนึ่งได้ทักเฟซบุ๊กพร้อมทั้งแอดไลน์เป็นเพื่อน จากนั้นเสนอขายเครื่องใช้ไฟฟ้าราคาที่ถูกโดยอ้างว่าเป็นธุรกิจอีกอย่างหนึ่งของบริษัทและจะมีการสะสมแต้มเพื่อแลกซื้อสินค้าที่ร่วมรายการด้วย พร้อมทั้งส่งแคตตาล็อกสินค้าเครื่องใช้ไฟฟ้ามาให้เลือกตนจึงเลือกซื้อตู้เย็นกับโน๊ตบุ๊ค เนื่องจากตู้เย็นที่บ้านเสียมาหลายวันแล้ว รวมทั้งต้องการที่จะซื้อโน้ตบุ๊คให้หลานไว้เรียนออนไลน์ เพราะเห็นว่าราคาถูก

โดยที่ตู้เย็นมีโปรโมชั่นคือ ซื้อ 2 แถม 1 ในราคา 14,194 บาท ส่วนโน๊ตบุ๊คก็มีโปรโมชั่นคือซื้อ 2 แถม 1 ในราคา 11,994 บาท รวมเป็นเงิน 27,202 บาท ตนจึงได้โอนเงินไปให้ทั้งหมด โดยได้โอนเข้าบัญชีธนาคารกรุงศรีฯ ชื่อบัญชี น.ส.สุภาพ วงศ์จันทร์ ด้านมิจฉาชีพก็ยังมีข้อเสนอเพิ่มเติมอีกว่า หากซื้อสินค้าครบ 30,000 บาท ก็จะแถมแอร์ให้อีก 1 เครื่อง พร้อมติดตั้งให้ด้วย ตนจึงไปถามญาติๆว่า มีใครต้องการซื้อเครื่องใช้ไฟฟ้าหรือเครื่องใช้อื่นๆ หรือไม่ ปรากฏว่ามีเพื่อนบ้านต้องการซื้อโทรศัพท์มือถือซัมซุง ราคาเครื่องละ 1,014 บาท ตนจึงสั่งซื้อ 3 เครื่องในราคา 3,042 บาท จึงได้โอนเงินไปให้อีก 3,042 บาท รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 30,244 บาท

หลังจากโอนเงินไปให้แล้วก็ได้นัดหมายส่งสินค้า โดยแจ้งว่าสินค้าจะมาถึงวันที่ 31 ส.ค. โดยที่มิจฉาชีพรายดังกล่าวยังได้โพสต์เอกสารซึ่งมีตราสัญลักษณ์เป็นโครงการสะสมแต้มเพื่อแลกซื้อสินค้า พร้อมกับโพสต์ภาพบัตรประจำตัวและบัตรประชาชนของพนักงานรายหนึ่ง เพื่อยืนยันความมั่นใจ

เมื่อถึงวันนัดปรากฏว่าสินค้ายังมาไม่ถึงตนจึงทักทวงถามไปมิจฉาชีพก็ได้โพสต์ภาพกำลังนำสินค้าขึ้นรถพร้อมทั้งแจ้งว่า การส่งสินค้าอาจจะล่าช้าเพราะสถานการณ์โควิด แต่วันต่อมาสินค้าก็ยังมาไม่ถึงตนจึงทักไปถามอีกมิจฉาชีพรายดังกล่าว ก็ได้บอกตนว่า “ตนถูกหลอกแล้ว” ทำให้ตนและสามีเสียใจเป็นอย่างมาก พร้อมทั้งได้อ้อนวอนขอเงินคืน แต่มิจฉาชีพรายดังกล่าวก็ไม่ยอมคืน พร้อมทั้งอ้างว่าได้โอนคืนมาแล้ว แต่ตนเช็คแล้วก็ไม่พบการโอนแต่อย่างใด จึงได้ไปแจ้งความร้องทุกข์ไว้ที่สภ.เมืองเพชรบูรณ์ พร้อมทั้งแจ้งให้มิจฉาชีพรายดังกล่าว ซึ่งก็ได้รับการท้าทายรวมทั้งยังอ้างด้วยว่าเป็นเพื่อนกับทนายตั้ม ส่วนน้องสาวก็เป็นเพื่อนกับ ผกก.โจ้ ตนไม่รู้จะทำอย่างไร เพราะเงินที่เก็บมาเกือบทั้งชีวิตก็ได้โอนไปหมดแล้ว เพียงหวังเพื่อที่จะได้ตู้เย็นเครื่องใหม่ หวังว่าจะซื้อโน๊ตบุ๊คให้หลานก็มาถูกหลอกไปจนหมดจึงอยากจะวิงวอนให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเร่งรัดติดตามมิจฉาชีพรายนี้มาดำเนินคดีให้ได้โดยเร็ว