สำนักข่าวเอเอฟพี รายงานจากกรุงวอชิงตัน สหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 18 พ.ค. ว่า นายเกร็ก เจียนฟอร์เต ผู้ว่าการรัฐมอนแทนา ลงนามในกฎหมายที่ห้ามการใช้งาน “ติ๊กต็อก” ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มของจีน หลังสมาชิกสภานิติบัญญัติของสหรัฐ ต่างเรียกร้องให้ดำเนินการเช่นนี้มากขึ้นเรื่อย ๆ
คำสั่งห้ามระบุถึงการห้ามไม่ให้บริษัทต่าง ๆ มอบสิทธิการเข้าถึงติ๊กต็อก หรือดาวน์โหลดติ๊กต็อก ซึ่งการละเมิดแต่ละครั้ง จะมีโทษปรับสูงถึง 10,000 ดอลลาร์สหรัฐ (ราว 342,600 บาท) อีกทั้งภายใต้กฎหมายใหม่ บริษัท แอปเปิล และบริษัท กูเกิล จะต้องลบติ๊กต็อก ออกจากแอปพลิเคชันสโตร์ ส่วนบริษัทที่ยังคงให้บริการ อาจต้องเสียค่าปรับรายวันด้วย
Montana has become the first U.S. state to ban the Chinese-owned video app #TikTok, claiming it’s a national security threat. However, a number of tech companies and #contentcreators say banning the app nationwide would cost them a valuable platform and money. pic.twitter.com/QiWDbtvzx4
— CGTN America (@cgtnamerica) May 11, 2023
อย่างไรก็ตาม นายคีแกน เมดราโน ผู้อำนวยการด้านนโยบายของสหภาพเสรีภาพพลเมืองอเมริกัน (เอซีแอลยู) ในรัฐมอนแทนา กล่าวว่า บรรดาผู้นำทางการเมืองของรัฐ เหยียบย่ำเสรีภาพในการพูดของชาวมอนแทนาหลายแสนคน ซึ่งใช้แอปพลิเคชันดังกล่าวเพื่อแสดงออก, รวบรวมข้อมูล และดำเนินธุรกิจขนาดเล็กในนามของความรู้สึกต่อต้านจีน
อีกด้านหนึ่ง โฆษกหญิงของติ๊กต็อก กล่าวว่า ร่างกฎหมายที่เจียนฟอร์เตลงนามนั้น ถือเป็นการละเมิดสิทธิของชาวมอนแทนา ตามบทบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญฉบับที่ 1 ด้วยการห้ามใช้ติ๊กต็อก โดยมิชอบด้วยกฎหมาย ซึ่งทางบริษัทต้องการสร้างความมั่นใจว่า ชาวมอนแทนายังสามารถใช้ติ๊กต็อกได้ ควบคู่กับการดำเนินงาน เพื่อปกป้องสิทธิของผู้ใช้งานทั้งในและนอกรัฐมอนแทนา
ทั้งนี้ กฎหมายข้างต้นเป็นการต่อสู้ครั้งล่าสุด ระหว่างติ๊กต็อกกับรัฐบาลของชาติตะวันตก โดยแอปพลิเคชันดังกล่าว ถูกแบบการใช้งานบนอุปกรณ์ของรัฐบาลในสหรัฐ, แคนาดา และหลายประเทศในทวีปยุโรป หลังนักการเมืองจำนวนมากของสหรัฐ กล่าวหาว่า ติ๊กต็อกเป็นเครื่องมือสำหรับการจารกรรมของรัฐบาลปักกิ่ง ซึ่งบริษัท ไบต์แดนซ์ เจ้าของติ๊กต็อก ยืนกรานปฏิเสธมาโดยตลอด.
เครดิตภาพ : AFP