เมื่อวันที่ 28 พ.ค. ที่ว่าการอำเภอกัลยาณิวัฒนา จ.เชียงใหม่ นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นประธานพิธีถวายสักการะพระอนุสาวรีย์ สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ เนื่องในโอกาสการจัดกิจกรรมเฉลิมพระเกียรติวาระครบรอบ 100 ปี วันประสูติ สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ โดยมี นายแมนรัตน์ รัตนสุคนธ์ อธิบดีกรมการปกครอง นายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ อธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน นายขจร ศรีชวโนทัย อธิบดีกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น นายวราพงษ์ เกียรตินิยมรุ่ง ที่ปรึกษาด้านวิศวกรรมสำรวจ กรมที่ดิน นายรัฐพล นราดิศร รองอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ว่าที่ ร.อ.ธีรพงศ์ ครุธดิลกานันท์ รองอธิบดีกรมโยธาธิการและผังเมือง นายวีรพงศ์ ฤทธิ์รอด รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ นายวรศักดิ์ พานทอง นายอำเภอกัลยาณิวัฒนา หัวหน้าส่วนราชการ นายพิชัย เลิศพงศ์อดิศร นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม่ ข้าราชการ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นนักเรียน และประชาชน ร่วมพิธี

ภายหลังจากเสร็จพิธี นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย ปลูกพันธุ์ไม้บริเวณสนามหน้าที่ว่าการอำเภอกัลยาณิวัฒนา ได้แก่ 1) “ต้นรวงผึ้ง” ต้นไม้ประจำพระองค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เพราะดอกมีสีเหลือง ซึ่งเป็นสีประจำวันเฉลิมพระชนมพรรษา มีลักษณะเป็นไม้หอมที่มีถิ่นกำเนิดในประเทศไทย พบมากในป่าทางภาคเหนือ เป็นพันธุ์ไม้จำพวกเดียวกับปอกระเจาและตะขบฝรั่ง โดยมีดอก คือ “ดอกรวงผึ้ง” จะเบ่งบานในช่วงเดือน ก.ค.ถึง ส.ค. ผลิดอกได้นาน 7-10 วัน เมื่อดอกสีเหลืองบานพร้อมกันทั้งต้น จะดูงดงามอร่ามตา และส่งกลิ่นหอมตลอดทั้งวัน และ 2) “ต้นสนสองใบ” เรียกภาษาปกากะญาว่า โชซู มีลักษณะเป็นไม้ยืนต้นขนาดกลางถึงใหญ่ ไม่ผลัดใบ ลำต้นตรง เมื่ออายุน้อยรูปทรงคล้ายกรวยคว่ำ เมื่ออายุมากขึ้นเรือนพุ่มแผ่กว้างออก เปลือกลำต้นสีค่อนข้างดำหรือน้ำตาลปนดำ และหนา อาจมีความหนาถึง 6-8 ซม. เปลือกแตกเป็นร่องลึกตามความยาวของลำต้น และมีรอยทางขวางเป็นระยะๆ เมื่อโตเต็มที่อายุ 80-90 ปี มีความสูงประมาณ 20-40 เมตร ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง ประมาณ 50-110 เซนติเมตร เปลือกหนา มีสีนํ้าตาลเข้มจนถึงดำคลํ้า เปลือกแตกเป็นร่องลึก พบได้เฉพาะในพื้นที่เขาสูง ทำประโยชน์ในหลายด้าน อาทิ เนื้อไม้ใช้ในการก่อสร้าง น้ำยางใช้สำหรับการทำสบู่ ยารักษาโรค รวมถึงน้ำมันสนใช้ในอุตสาหกรรมต่างๆ หลากหลายชนิด

นายสุทธิพงษ์ กล่าวว่า พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานชื่อ “อ.กัลยาณิวัฒนา” และทรงลงพระปรมาภิไธยในพระราชกฤษฎีกาตั้ง อ.กัลยาณิวัฒนา จ.เชียงใหม่ ประกาศในราชกิจจานุเบกษา มีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 26 ธ.ค. 2552 โดยมีเหตุผลการประกาศจัดตั้งความว่า”…โดยที่ ต.แจ่มหลวง ต.บ้านจันทร์ และ ต.แม่แดด อ.แม่แจ่ม จ.เชียงใหม่ มีท้องที่กว้างขวาง มีชุมชนและชุมนุมการค้าหนาแน่น มีสภาพเจริญขึ้นกว่าเดิมมาก แต่เนื่องจากมีภูมิประเทศตั้งอยู่ห่างไกล ทำให้ประชาชนไม่ได้รับความสะดวกในการติดต่อราชการ สมควรแยกตำบลดังกล่าวออกจากอำเภอแม่แจ่ม จังหวัดเชียงใหม่ และรวมตั้งเป็น “อำเภอกัลยาณิวัฒนา จังหวัดเชียงใหม่” เพื่อประโยชน์แก่การปกครอง การให้บริการของรัฐ ความสะดวกของประชาชน และเพื่อส่งเสริมให้ท้องที่มีความเจริญยิ่งขึ้น ตลอดจนเพื่อเป็นการเทิดพระเกียรติสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ จึงจำเป็นต้องตราพระราชกฤษฎีกานี้

“อ.กัลยาณิวัฒนา จ.เชียงใหม่ เป็นอำเภอลำดับที่ 25 ของจ.เชียงใหม่ และอันดับที่ 878 ของประเทศไทย มีเขตการปกครอง 22 หมู่บ้าน 3 ตำบล คือ ต.บ้านจันทร์ ต.แจ่มหลวง และ ต.แม่แดด มีประชากรประมาณ 4,550 ครัวเรือน 12,944 คน ประกอบด้วยชุมชนชาวเขาหลายเผ่าเช่น ปกาเกอะญอ ม้ง ลีซอ เป็นต้น ส่วนใหญ่ประกอบอาชีพทำไร่ ทำนา ทำสวน และการทอผ้าเป็นอาชีพเสริม” นายสุทธิพงษ์ กล่าว

นายสุทธิพงษ์ กล่าวอีกว่า สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ ทรงประกอบพระกรณียกิจนานัปการ ด้วยพระปณิธานอันแน่วแน่ โดยทรงยึดมั่นในคุณค่าของมนุษย์ และศักยภาพของการพัฒนา จึงทรงงาน และทรงอุปถัมภ์กิจการทั้งปวงที่เกี่ยวข้องกับด้านการศึกษา ด้านวิทยาศาสตร์ประยุกต์ การแพทย์และการสาธารณสุข ด้านสังคมสงเคราะห์ ด้านสัมพันธไมตรี การสื่อสาร การแลกเปลี่ยนทางวัฒนธรรม ด้านการศาสนาและศิลปวัฒนธรรมที่เป็นประโยชน์ต่อสาธารณชนและพสกนิกรชาวไทย โดยในการประชุมสมัยสามัญขององค์การยูเนสโก ครั้งที่ 41 ที่สำนักงานใหญ่องค์การยูเนสโก กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส ระหว่างวันที่ 9 – 24 พ.ย. 2564 ได้มีมติรับรอง ยกย่องพระเกียรติคุณสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ ในฐานะบุคคลสำคัญทางประวัติศาสตร์ของโลก ใน 2565-2566 ด้านการศึกษา ด้านวิทยาศาสตร์พื้นฐานและคณิตศาสตร์ และด้านวัฒนธรรม

“กระทรวงมหาดไทย น้อมรำลึกในพระกรุณาธิคุณ จึงได้ร่วมกับส่วนราชการและหน่วยงานรัฐวิสาหกิจในสังกัดตลอดจนภาคีเครือข่ายจัดกิจกรรมเฉลิมฉลองวาระครบรอบ 100 ปีวันประสูติของสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์(100th anniversary of the birth of Her Royal Highness Princess Galyani Vadhana Krom Luang Naradhiwas Rajanagarindra) ณ พื้นที่ อ.กัลยาณิวัฒนา อำเภอที่ 878 ของประเทศไทยอำเภอแห่งความสุขที่ยั่งยืนที่พสกนิกรทุกคนต่างน้อมรำลึกในพระกรุณาธิคุณ เช่น การปรับปรุงภูมิทัศน์บริเวณโดยรอบพระอนุสาวรีย์ สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ ที่ว่าการอำเภอกัลยาณิวัฒนา การปรับปรุงห้องสมุดโรงเรียนมัธยมกัลยาณิวัฒนาเฉลิมพระเกียรติ การส่งเสริมการพึ่งพาตนเองด้วยหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงให้แก่นักเรียน เด็ก และเยาวชน ผ่านโครงการ “1 หมู่บ้าน 1 ทางนี้มีผลผู้คนรักกัน” และโครงการ “บ้านนี้มีรักปลูกผักกินเอง” การส่งเสริมการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และการเสริมสร้างความรักสามัคคี หวงแหน สืบสาน รักษา ศิลปวัฒนธรรม ประเพณีท้องถิ่น และโครงการปรับปรุงซ่อมแซมบ้านพักกลุ่มคนพิการในพื้นที่ เป็นต้น อันเป็นการน้อมนำแนวพระดำริที่สะท้อนผ่านพระกรณียกิจนานัปการที่ได้ทรงบำเพ็ญด้วยพระวิริยะอุตสาหะตรากตรำพระวรกาย เพื่อความร่มเย็นเป็นสุขของพสกนิกรชาวไทย ด้วยน้ำพระทัยที่เปี่ยมด้วยพระเมตตา ทรงเป็นแบบอย่างแก่พสกนิกรในการปฏิบัติตามหลักธรรมคำสอนทางศาสนา เป็นที่ซาบซึ้งและประทับอยู่ในดวงใจของพสกนิกรทุกศาสนิก รวมทั้งด้านการศึกษา ทรงส่งเสริมการเข้าถึงการศึกษาสำหรับคนยากจน และเด็กที่มีความต้องการพิเศษ ศูนย์พัฒนาเด็กปฐมวัยโรงเรียนระดับประถมศึกษาและมัธยมศึกษาบนภูเขาและเกาะที่ห่างไกล การสังคมสงเคราะห์ไว้ในพระอุปถัมภ์เป็นจำนวนมาก และทรงพระนิพนธ์และรวบรวมเรียบเรียงหนังสืออันทรงคุณค่าด้านประวัติศาสตร์และด้านอื่นๆ ไว้จำนวนมาก เป็นอาทิ ก่อให้เกิดประโยชน์แก่ประเทศชาติและประชาชนอย่างใหญ่หลวง” นายสุทธิพงษ์ กล่าว

นายสุทธิพงษ์ กล่าวด้วยว่า เนื่องในโอกาสวาระครบรอบ 100 ปี วันประสูติ สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ กระทรวงมหาดไทย ขอเชิญชวนพี่น้องประชาชนคนไทยทุกคน ร่วมน้อมรำลึกในพระกรุณาธิคุณของพระองค์ที่ทรงมีต่อปวงพสกนิกรอย่างอเนกอนันต์ อันเป็นคุณงามความดีจะสถิตอยู่ในดวงใจของปวงชนชาวไทยตราบชั่วกาลนาน ด้วยการมุ่งมั่นทำความดีเพื่อเป็นการปฏิบัติบูชาในทุกวัน เริ่มตั้งแต่เดือน พ.ค. ซึ่งเป็นเดือนแห่งการเฉลิมฉลองวาระพิเศษนี้ไปตลอดทั้งปี 2566 และตลอดไป เพื่อยังความผาสุก และประโยชน์สุขของสังคมไทยอย่างยั่งยืน.