นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คลัง เปิดเผยว่า ทิศทางเงินเฟ้อปีนี้มีแนวโน้มลดลงอยู่ในกรอบ 1-3% เนื่องจากปีที่ผ่านมาเงินเฟ้อลดลงอย่างต่อเนื่อง และครึ่งปีแรกปี 66 เงินเฟ้อลดต่ำ ซึ่งต้องรอจับตามองการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ที่จะประชุมในวันที่ 31 พ.ค. 66 ซึ่งเป็นการประชุมครั้งที่ 3 ของปีนี้

ส่วนมาตรการลดภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซลที่จะสิ้นสุด 20 ก.ค. 66 ระบุว่า ตอนนี้ยังมีเวลาอยู่อีก 2 เดือนที่มาตรการจะสิ้นสุด ซึ่งแนวทางการบริหารจัดหารกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงนั้น กระทรวงการคลังจะต้องหารือกันกับกระทรวงพลังงานเพื่อที่จะสนับสนุนมาตรการต่อ แต่ตอนนี้ราคาน้ำมันโลกลงอย่างต่อเนื่อง ทำให้กองทุนน้ำมันสามารถจัดเก็บรายได้ได้เพิ่มขึ้นซึ่งช่วยให้กองทุนน้ำมันสามารถใช้กลไกของกองทุนเข้ามาบริหารจัดการได้

ทั้งนี้ กองทุนน้ำมันฯ ในขณะนี้มีสภาพคล่อง มีเงินไหลเข้า และมีเงินกู้ที่กระทรวงการคลังค้ำประกันที่มีกรอบวงเงินไว้ให้แล้วประมาณ 3 หมื่นล้านบาท ซึ่งกระทรวงพลังงานสามารถบริหารจัดการได้ เพราะที่ผ่านมาที่ใช้มาตรการภาษีช่วยนั้นกระทรวงการคลังต้องการให้ผลประโยชน์อยู่กับประชาชน พอราคาน้ำมันลดลงกระทรวงพลังงานก็ลดราคาน้ำมันดีเซลลงมาแล้วระดับหนึ่ง

ด้าน นายดนุชา พิชยนันท์ เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) กล่าวว่า ราคาน้ำมันยังเป็นที่น่าจับตา แม้จะการลดกำลังการผลิตของกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน หรือโอเปก คาดอยู่ในกรอบเดิม 70-80 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล โดยราคาตลาดโลกปรับขึ้นไม่เกิน 1 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล ซึ่งปกติปรับขึ้น 1-2 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล ทั้งนี้ต้องจับตาดูความเคลื่อนไหวเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัวลง