เมื่อวันที่ 1 มิ.ย. ที่พรรคก้าวไกล นายรังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคก้าวไกล แถลงว่า ตนยังไม่เห็น พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐบาลชุดเดิม เตรียมความพร้อมในการเก็บข้าวของ ส่งมอบงานให้รัฐบาลใหม่ ซึ่งผลการเลือกตั้งมีความชัดเจนอยู่แล้วว่า รัฐบาลเดิมไม่ได้เป็นรัฐบาลใหม่ ในขณะที่พรรคก้าวไกลมีความพร้อม ตั้งคณะทำงานการเปลี่ยนผ่าน แต่เรากลับไม่เห็นความพร้อมของฝั่งรัฐบาลเดิม หลายประเทศที่เป็นประชาธิปไตย เมื่อรัฐบาลเกิดการเปลี่ยนแปลงหลังการเลือกตั้ง เรามักเห็นการแสดงสปิริต คือ การแสดงความยินดีกับผู้ชนะที่ได้รับความไว้วางใจจากประชาชน ตนเห็นแต่ท่าทีหวังส้มหล่นของรัฐบาลเก่า ดังนั้นไม่สายเกินไป ถ้าเราจะได้ยินคำยินดีจาก พล.อ.ประยุทธ์ และยอมรับความพ่ายแพ้ เพื่อให้การเปลี่ยนผ่านของรัฐบาลเป็นไปตามที่ควร จะเป็นการสร้างความราบรื่นกับรัฐบาลใหม่

ส่วนกรณีนายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ออกมาให้ความเห็นว่าหากนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ถูกตัดสิทธิเรื่องถือหุ้นสื่อ อาจต้องมีการเลือกตั้งซ่อมกันทั้งประเทศ นายรังสิมันต์ กล่าวว่า เรื่องการถือหุ้นสื่อของนายพิธา พรรคก้าวไกลได้เตรียมความพร้อมในการต่อสู้ตามข้อกฎหมายต่างๆ ยืนยันว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องการถูกกลั่นแกล้งกันทางการเมือง การให้สัมภาษณ์ของ อ.วิษณุ ถือเป็นการชี้นำ ส.ว. ชี้นำสังคม เพื่อให้ ส.ว. เกิดความลังเลใจ สุดท้ายคือการหวังส้มหล่น ทั้งๆ ที่การเลือกตั้งของไทยกำลังไปได้สวย แต่ทำไมต้องใช้กระบวนการแบบนี้ ทำแบบนี้บ้านเมืองจะวุ่นวายหรือเปล่า เท่ากับไม่เคารพต่อเจตจำนงประชาชนที่ออกไปเลือกตั้งหรือไม่ บางครั้งเราอย่าไปให้ความสำคัญกับนายวิษณุ กับเรื่องทางกฎหมายมากนัก เราต้องยอมรับว่านายวิษณุ ไม่ได้ถูกทุกเรื่อง ยกตัวอย่างเรื่อง พ.ร.ก.บางมาตรา ใน พ.ร.บ.อุ้มหาย พรรคก้าวไกลไม่เห็นชอบด้วยกฎหมาย ก็เป็นไปตามนั้น ดังนั้นนายวิษณุ ให้สัมภาษณ์ในลักษณะชี้นำ ส.ว. แต่ควรไปบอก พล.อ.ประยุทธ์ มีสปิริต ไปดูตัวอย่างจากประเทศอื่น และเตรียมตัวเก็บของออกจากทำเนียบ และส่งมอบงานได้แล้ว 

เมื่อถามถึงกรณีนายจเด็จ อินสว่าง ส.ว. เสนอตั้ง รัฐบาลแห่งชาติ นายรังสิมันต์ กล่าวว่า เท่าที่ทราบนายจเด็จ ไม่เห็นด้วยในการแก้ไขมาตรา 112 เรียนตามตรงว่า จะตั้งรัฐบาลแห่งชาติไปทำไม ประเทศไทยไม่ได้อยู่ในสถานการณ์แบบนั้น เชื่อว่าการตั้งรัฐบาลตามเสียงประชาชนสามารถทำได้ ไม่มีปัญหาอะไร ทุกอย่างกำลังเป็นไปได้สวย แม้เงื่อนไขรัฐธรรมนูญจะไม่ง่าย มีอุปสรรค แต่เรากำลังคืนความปกติตามความยอมรับจากมติมหาชน ค่อยๆ แก้ ถอดสลักปัญหา กลับกันถ้าจัดตั้งรัฐบาลแห่งชาติตามที่นายจเด็จ ตนไม่เชื่อว่าประเทศไทยจะเดินหน้าไปได้ และนายจเด็จก็ไม่ได้เป็นตัวแทนของ ส.ว. ทุกคน ซึ่งการปิดสวิตช์มาตรา 272 เชื่อว่าประเทศไทยจะเดินหน้าต่อไป

เมื่อถามถึงกรณีว่าหากนายพิธา โดนตัดสิทธิการเป็น ส.ส. ในอนาคต พรรคก้าวไกลจะทำอย่างไร นายรังสิมันต์ กล่าวว่า ต้องดูกฎหมายหลายๆ กฎหมาย แต่ไม่อยากลงรายละเอียดมาก เพราะจะมีผลต่อคดีความ แต่ยืนยันว่าไม่มีอะไรเป็นอุปสรรคกับการเป็นสมาชิกพรรคของนายพิธาแน่นอน 

เมื่อถามว่า พล.อ.ประยุทธ์ พูดถึงกรณีพรรคก้าวไกลออกพบปะข้าราชการหรือองค์การต่างๆ ว่าไม่มีความเหมาะสม เพราะยังไม่ได้แต่งตั้งรัฐบาล นายรังสิมันต์ กล่าวว่า ถือเป็นการเตรียมตัวของรัฐบาลชุดใหม่ การพูดคุยกับองค์กรต่างๆ หรือทางท้องถิ่น ถือว่าเป็นเรื่องธรรมดา ตรงกันข้าม พล.อ.ประยุทธ์ ควรแสดงความยินดีออกมาบ้าง เก็บของออกจากทำเนียบ อย่ารอส้มหล่น

ส่วนกรณีการแก้ไขมาตรา 112 ซึ่งมีหลายฝ่ายวิพากษ์วิจารณ์ รวมทั้งเป็นประเด็นที่ ส.ว. จะไม่โหวตนายพิธา เป็นนายกรัฐมนตรี นายรังสิมันต์ กล่าวว่า เรื่องนี้กลายเป็นเรื่องที่ชี้นำ ส.ว. เยอะ สิ่งที่เรากำลังพยายามเดินหน้า เราพยายามเคารพต่อมติมหาชนให้ได้มากที่สุด ผลเลือกตั้งออกมาแน่นอนว่ามีทั้งคนที่ชอบและไม่ชอบ ซึ่งในส่วนของมาตรา 112 ต้องไปว่ากันในสภา พรรคก้าวไกลเสนอโมเดล หากเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วยประการใดก็คุยกันในสภา ตามกติกาส่วนเรื่องมาตรา 272 ก็กำลังนับถอยหลัง ถ้าจะยื้อในประเด็นนี้ ประเทศชาติจะได้อะไร จริงๆ ควรปิดสวิตช์ 272 กันในวันนี้ ไม่จำเป็นต้องรออีก 1 ปีข้างหน้า 

เมื่อถามว่าความคืบหน้าการพูดคุยกับ ส.ว. เป็นอย่างไรบ้าง นายรังสิมันต์ กล่าวว่า นายชัยธวัช ตุลาธน ได้เดินหน้าพูดคุยกับ ส.ว. แต่ยังบอกไม่ได้ แต่คิดว่าไม่น่าจะมีอุปสรรคอะไร ส่วนกรณีกลุ่มนักร้องออกมาร้องเรียนว่า นายปิยบุตร แสงกนกกุล ครอบงำพรรคก้าวไกล นายรังสิมันต์ กล่าวว่า หากกล่าวหาว่าครอบงำพรรค ต้องมีหลักฐานที่ชัดเจน นายปิยบุตร เป็นคนหนึ่งที่วิพากษ์วิจารณ์พรรคก้าวไกลมาตลอด ซึ่งก็ไม่ได้เห็นด้วยกับพรรคเสมอไป และ อ.ปิยบุตร เป็นประชาชนคนหนึ่งที่มีสิทธิวิพากษ์วิจารณ์ได้ และที่ผ่านมามีพี่น้องประชาชนจำนวนมากก็ออกมาวิพากษ์วิจารณ์พรรคตลอด เราจะเรียกว่าครอบงำพรรคก็จะไม่เป็นธรรมกับพวกเรา นักร้องต้องการเตะขัดขานายพิธา และพรรคก้าวไกลไม่ให้จัดตั้งรัฐบาลได้ 

เมื่อถามว่า กรณีกระทรวงกลาโหมออกมาปฏิรูปกองทัพ มีการลดจำนวนพลทหารเพื่อประหยัดงบประมาณ และมีการสมัครเกณฑ์ทหารแบบสมัครใจ เป็นการลอกการบ้านของพรรคก้าวไกล หรือไม่ นายรังสิมันต์ ระบุว่า ไม่อยากให้มองว่าลอกการบ้าน แต่ยินดี และขอบคุณที่ทางกลาโหมออกมาปฏิรูป เชื่อว่าจะสามารถทำงานร่วมกันได้ เพื่อให้กองทัพมีคุณภาพและศักยภาพ เป็นเรื่องที่น่าชื่นชมที่จะให้กองทัพมีคุณพาพมากขึ้น.