จบไปแล้วสำหรับการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล ผลปรากฏว่า“บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี  พร้อมด้วย 5  รัฐมนตรี ประกอบด้วย อนุทิน ชาญวีรกูล รมว.สาธารณสุข ศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม เฉลิมชัย ศรีอ่อน รมว.เกษตรและสหกรณ์ สุชาติ ชมกลิ่น รมว.แรงงาน และ ชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ผ่านฉลุยอีกครั้งสำหรับศึกซักฟอกในสภา

แต่เรียกว่าออกอาการเสียรังวัดอย่างแรง เมื่อ “บิ๊กตู่” มีคะแนนยี้หรือไม่ไว้วางใจจากสภาผู้แทนราษฎรนำลิ่วแซงรัฐมนตรีคนอื่น 208 คะแนน ส่วนคะแนนไว้วางใจได้มา 264 คะแนน รั้งอันดับรองบ๊วยถัดจาก“เสี่ยเฮ้ง” สุชาติ ที่ได้คะแนนไว้วางใจ 263 คะแนน แค่ 1 แต้ม 

ท่ามกลางกระแสข่าวเกมโค่น“บิ๊กตู่” ทั้งจากคนในและคนนอกพรรคพลังประชารัฐ   จนนำมาสู่ประเด็นร้อนกลางเวทีอภิปราย ที่ ส.ส.ฝ่ายค้านอ้างว่ามีการ “แจกถุงขนม” เพื่อซื้อเสียงโหวต ทำให้ศึกซักฟอกครั้งนี้มีความพิสดารกว่าครั้งที่ผ่านมา แม้ผลของการซักฟอกโดยฝ่ายค้านจะไม่สามารถเช็กบิลรัฐบาล “เรือแป๊ะ” ได้ในวันนี้ แต่ก็เรียกว่าเขย่ารอยร้าวทั้งในพรรคพลังประชารัฐและพรรคร่วมรัฐบาลได้มากโข รวมถึงสัมพันธภาพระหว่างพี่น้อง 3 ป.ที่ไม่รู้ว่ายังแน่นปึกเหมือนเดิมหรือไม่

ศึกซักฟอกหนนี้ถือเป็นการกามิกาเซ่ทิ้งบอมลงไปที่ตัว“บิ๊กตู่”แบบเต็มๆ เพราะอาจจะถูกมองว่าเดินมาถึงช่วงขาลงที่สุด โดยเฉพาะในเรื่องการแก้ปัญหาสถานการณ์โรคโควิด-19 ต่อเนื่องถึงปัญหาเศรษฐกิจปากท้องของประชาชน ที่ไม่มีท่าทีจะกระเตื้องไปในทิศทางที่ดีขึ้น

โดยมีชื่อคนเดินเกมที่ไม่ใช่คนอื่นคนไกลแต่เป็นคนกันเอง ปรากฏในสื่อเกือบทุกสำนักคือ “ผู้กองธรรมนัส” ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมช.เกษตรและสหกรณ์ ผู้จัดการพรรคพลังประชารัฐ ซึ่งเมื่อมองในทางการเมืองแล้วก็เป็นอันรู้กันว่าชื่อของ “บิ๊กตู่”ไปต่อลำบาก ขายไม่ได้ เป็นสินค้าช้ำที่เสื่อมสภาพไปแล้ว  ขณะที่การเลือกตั้งรอบหน้าเหลือเวลาเพียงปีกว่า ๆ หากการแก้รัฐธรรมนูญประสบผลสำเร็จ ย่อมส่งผลให้ “พรรคเพื่อไทย”คัมแบ็กกลับมาเป็นแกนนำตั้งรัฐบาลอย่างไม่ต้องสงสัย เพราะกติกาเอื้อพรรคใหญ่เต็มที่

หลังจากนี้หากใครจะต้องนำทัพสู้ศึกเลือกตั้ง จำเป็นต้องมีอาวุธยุทโธปกรณ์ สรรพกำลังพร้อมเต็มอัตราศึก นาทีนี้ในส่วนของพลังประชารัฐ ก็คงไม่พ้นต้องเป็น ผู้กองธรรมนัส” ที่ต้องเตรียมกระสุนดินดำพาลูกพรรคลุยศึกเลือกตั้งครั้งหน้า และเมื่อโฟกัสไปที่เก้าอี้ มท.1” จึงตอบโจทย์นี้ได้ดีที่สุด

งานนี้จึงต้องจับตาหลังศึกซักฟอก “ผู้กองธรรมนัส” จะได้อัพเกรดมานั่งเก้าอี้รัฐมนตรีกระทรวงเกรดเอ เพื่อเปิดทางให้พรรคพลังประชารัฐแต่งองค์ทรงเครื่องสะสมเสบียงและขุมกำลังเพื่อชิงชัยในการเลือกตั้งรอบหน้าหรือไม่

หรือจะเลือกอุ้มพี่รอง “บิ๊กป็อก” พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย ฝืนกระแสเพื่อรักษาสัมพันธภาพระหว่างพี่น้องต่อไป แล้วไล่เช็กบิล“ผู้ก่อความไม่สงบในพรรคร่วมรัฐบาล” แทน  เป็นเรื่องที่ต้องวัดใจ“บิ๊กตู่” ซึ่งคงได้เห็นการปรับ ครม.ครั้งใหญ่ในเร็ววันนี้.