สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงวอชิงตัน ประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 2 มิ.ย. ว่า วุฒิสภาสหรัฐมีมติในการประชุม เมื่อวันพฤหัสบดี ด้วยเสียงข้างมาก 63 ต่อ 36 เสียง รับรองกฎหมาย “ความรับผิดชอบด้านการคลัง” เป็นการขยายเพดานหนี้อีก 1.5 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 52 ล้านล้านบาท)


ขณะที่ก่อนหน้านั้นเพียงวันเดียว คือเมื่อวันพุธที่ผ่านมา สภาผู้แทนราษฎรสหรัฐ มีมติด้วยเสียงข้างมากท่วมท้น 314 ต่อ 117 เสียง ผ่านกฎหมายดังกล่าว ที่จะเป็นการเพิ่มเพดานหนี้ของประเทศ จากปัจจุบันซึ่งอยู่ที่ 31.4 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 1,091 ล้านล้านบาท) ออกไปจนถึงเดือน ม.ค. 2568 หมายความว่า ปีหน้าซึ่งเป็นปีที่จะมีการเลือกตั้งประธานาธิบดีครั้งใหม่ รัฐบาลกลางจะไม่ประสบกับปัญหาการกู้ยืม และการชำระหนี้


ด้านประธานาธิบดีโจ ไบเดน ผู้นำสหรัฐ ยกย่องการที่กฎหมายสามารถผ่านการรับรองจากทั้งสองสภา ด้วยเสียงสนับสนุนข้างมากท่วมท้น “คือชัยชนะยิ่งใหญ่” ของชาวอเมริกัน และระบบเศรษฐกิจของประเทศ ให้รอดพ้นจากการผิดนัดชำระหนี้ ในวันที่ 5 มิ.ย.


ทั้งนี้ รายงานโดยสำนักงบประมาณของสภาคองเกรสระบุว่า ข้อตกลงเพนดานหนี้ครั้งนี้ จะเป็นการลดงบประมาณของรัฐบาลกลางจะลง 1.5 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ จนถึงปี 2576 โดยโครงการ “ซึ่งไม่เกี่ยวข้องกับกองทัพ” จะไม่ได้รับงบประมาณเพิ่มขึ้น ในปีงบประมาณ 2567 และจะเพิ่มให้เพียง 1% สำหรับปีงบประมาณ 2568


ขณะเดียวกัน รัฐบาลไบเดนจะต้องกลับมาเก็บหนี้กู้ยืมเพื่อการศึกษา ซึ่งระงับไปตลอดช่วงการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 นอกจากนี้ พรรครีพับลิกันซึ่งครองเสียงข้างมากในสภาผู้แทนราษฎร ยังสามารถกดดันให้ผู้นำสหรัฐยอมรับเงื่อนไข เพิ่มงบประมาณกระทรวงกลาโหมอีก 3% เป็น 886,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 30.6 ล้านล้านบาท) ในปีงบประมาณ 2567 ปัจจุบัน สหรัฐเป็นประเทศซึ่งลงทุนทางทหารมากที่สุดในโลก และพรรครีพับลิกันให้เหตุผลว่า เพื่อรักษาบทบาทการเป็นอภิมหาอำนาจของรัฐบาลวอชิงตัน.

เครดิตภาพ : AFP