สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงวอชิงตัน ประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 2 มิ.ย. ว่า วุฒิสภาสหรัฐมีมติในการประชุม เมื่อวันพฤหัสบดี ด้วยเสียงข้างมาก 63 ต่อ 36 เสียง รับรองกฎหมาย “ความรับผิดชอบด้านการคลัง” เป็นการขยายเพดานหนี้อีก 1.5 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 52 ล้านล้านบาท)
BREAKING: Senate passes debt ceiling bill 63-36, sending it to President Biden's desk pic.twitter.com/WT8Yvz9nwA
— MSNBC (@MSNBC) June 2, 2023
ขณะที่ก่อนหน้านั้นเพียงวันเดียว คือเมื่อวันพุธที่ผ่านมา สภาผู้แทนราษฎรสหรัฐ มีมติด้วยเสียงข้างมากท่วมท้น 314 ต่อ 117 เสียง ผ่านกฎหมายดังกล่าว ที่จะเป็นการเพิ่มเพดานหนี้ของประเทศ จากปัจจุบันซึ่งอยู่ที่ 31.4 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 1,091 ล้านล้านบาท) ออกไปจนถึงเดือน ม.ค. 2568 หมายความว่า ปีหน้าซึ่งเป็นปีที่จะมีการเลือกตั้งประธานาธิบดีครั้งใหม่ รัฐบาลกลางจะไม่ประสบกับปัญหาการกู้ยืม และการชำระหนี้
President Biden: "We are going to deal with the debt ceiling. I think things are going as planned, God willing." pic.twitter.com/3sDlw4Puv6
— CSPAN (@cspan) May 31, 2023
ด้านประธานาธิบดีโจ ไบเดน ผู้นำสหรัฐ ยกย่องการที่กฎหมายสามารถผ่านการรับรองจากทั้งสองสภา ด้วยเสียงสนับสนุนข้างมากท่วมท้น “คือชัยชนะยิ่งใหญ่” ของชาวอเมริกัน และระบบเศรษฐกิจของประเทศ ให้รอดพ้นจากการผิดนัดชำระหนี้ ในวันที่ 5 มิ.ย.
ทั้งนี้ รายงานโดยสำนักงบประมาณของสภาคองเกรสระบุว่า ข้อตกลงเพนดานหนี้ครั้งนี้ จะเป็นการลดงบประมาณของรัฐบาลกลางจะลง 1.5 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ จนถึงปี 2576 โดยโครงการ “ซึ่งไม่เกี่ยวข้องกับกองทัพ” จะไม่ได้รับงบประมาณเพิ่มขึ้น ในปีงบประมาณ 2567 และจะเพิ่มให้เพียง 1% สำหรับปีงบประมาณ 2568
ขณะเดียวกัน รัฐบาลไบเดนจะต้องกลับมาเก็บหนี้กู้ยืมเพื่อการศึกษา ซึ่งระงับไปตลอดช่วงการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 นอกจากนี้ พรรครีพับลิกันซึ่งครองเสียงข้างมากในสภาผู้แทนราษฎร ยังสามารถกดดันให้ผู้นำสหรัฐยอมรับเงื่อนไข เพิ่มงบประมาณกระทรวงกลาโหมอีก 3% เป็น 886,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 30.6 ล้านล้านบาท) ในปีงบประมาณ 2567 ปัจจุบัน สหรัฐเป็นประเทศซึ่งลงทุนทางทหารมากที่สุดในโลก และพรรครีพับลิกันให้เหตุผลว่า เพื่อรักษาบทบาทการเป็นอภิมหาอำนาจของรัฐบาลวอชิงตัน.
เครดิตภาพ : AFP