เมื่อวันที่ 4 ก.ย. นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม รักษาการหัวหน้าพรรคไทยภักดี ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก Warong Dechgitvigrom โดยระบุว่า บทสรุปหนังสือถึงท่านนายกรัฐมนตรี
ตามที่สัญญาดำเนินกิจการดาวเทียมสื่อสารภายในประเทศ จะหมดอายุในวันที่ 10 กันยายน 2564 ประกอบกับ มีคำพิพากษา ศาลฎีกาแผนกดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง เมื่อวันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2553 ที่เกี่ยวข้องกับดาวเทียมไทยคม 4 (ไอพีสตาร์) และสัดส่วนการถือหุ้น ของบริษัทอินทัชต่อ บริษัทไทยคม
ต่อมาคณะกรรมการปปช. ได้มีหนังสือถึงคณะรัฐมนตรี ลงวันที่ 14 สิงหาคม 2563 พิจารณารายงานการตรวจสอบข้อเท็จจริง โดยมีข้อเสนอแนะว่า คณะรัฐมนตรีควรกำหนดแนวทางให้เป็นไปตามคำพิพากษาของศาลฎีกาฯ กรณีไทยคม
ล่าสุดรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดีอีเอส ได้ตอบฝ่ายค้าน ในการอภิปรายไม่ไว้วางใจ ไม่ตรงตามสัญญาดำเนินกิจการดาวเทียมสื่อสารภายในประเทศ ข้อที่ 15 เรื่องส่งมอบทรัพย์สิน เป็นการกระทำที่เอื้อประโยชน์กับ บริษัท ไทยคม จำกัด (มหาชน) ทำให้รัฐได้รับความเสียหาย
ขอเรียกร้องให้นายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรี นำเรื่องดังกล่าวข้างต้น เข้าประชุม คณะรัฐมนตรีก่อนวันที่ 10 กันยายน 2564 และมีมติต่อเรื่องเกี่ยวข้องดังนี้
- ตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดีอีเอส และสอบสวนวินัยร้ายแรง ปลัดกระทรวง ฐานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบหรือโดยทุจริต ที่ไม่ได้ปฏิบัติไปตาม คำพิพากษาศาลฎีกาฯ มติคณะรัฐมนตรีและข้อเสนอแนะ ของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติดังกล่าว
- ให้กระทรวงดีอีเอส ดำเนินการยกเลิก สัญญาแก้ไขเพิ่มเติมสัญญาดำเนินกิจการดาวเทียมสื่อสารภายในประเทศ ฉบับที่ 5 ตาม คำพิพากษา ศาลฎีกาฯ และมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2554 (ให้คงหุ้นอินทัชในบริษัทไทยคม ไม่น้อยกว่า 51%)
- ให้กระทรวงดีอีเอส ดำเนินการรวบรวมเรียกร้องค่าเสียหายจาก บริษัท ไทยคม จำกัด (มหาชน) และ บริษัท อินทัช โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) ในกรณีบริษัท ไทยคม จำกัด (มหาชน) ที่นำ ดาวเทียมไอพีสตาร์ไปใช้หาประโยชน์ต่างประเทศร้อยละ 94 เพื่อเป็นการบรรเทาความเสียหายที่เกิดขึ้นแล้ว
- ให้ กระทรวงดีอีเอส ตรวจสอบการส่งมอบดาวเทียม สถานีควบคุมดาวเทียม และอุปกรณ์ต่าง ๆ ตลอดจน ลูกค้า ให้เป็นไปตามเงื่อนไข ข้อ 15 ของสัญญาดำเนินกิจการดาวเทียมสื่อสารภายในประเทศ