นายธนวรรธน์ พลวิชัย อธิการบดีมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย และประธานที่ปรึกษาศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยถึงกระแสข่าวกระทรวงมหาดไทยจะเสนอครม. ให้มีการจัดการเลือกตั้งสภาท้องถิ่น หรือผู้บริหารท้องถิ่นขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) คือ องค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) กรุงเทพมหานคร และเมืองพัทยาว่า หากมีการเลือกตั้งอบต. ผู้ว่าฯกทม. นายกเมืองพัทยา เบื้องต้นคาดว่า เศรษฐกิจไทย จะมีเงินสะพัดไม่ต่ำกว่า 2-3 หมื่นล้านบาท เฉลี่ยพื้นที่อบต.ละประมาณ 3-4 ล้านบาท ขณะที่การเลือกตั้งผู้ว่ากทม. จะมีเงินสะพัดสูงกว่าแต่ละพื้นที่อบต.

อย่างไรก็ตามเชื่อว่า หากการเมืองมีการแข่งขันที่รุนแรง แข่งขันกันดุ จะส่งผลให้มีเงินสะพัดสูงเป็นพิเศษ ทั้งค่าใช้จ่ายในการจ้างคนเดินตาม ทำป้ายหาเสียง และทำกิจกรรมอื่นๆ คาดว่า จะมีเงินสะพัดสูงถึง 4 หมื่นล้านบาท เนื่องจากการเลือกตั้งครั้งนี้ มีความสำคัญอย่างมาก เป็นตัวกำหนดทิศทาง เหมือนเป็นการหยั่งท่าทีการจัดตั้งรัฐบาลใหม่ในครั้งหน้า

นายสุพันธุ์ มงคลสุธี ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่สามารถตอบได้ว่า ควรปรับครม.หรือไม่ เนื่องจากเป็นดุลพินิจของนายกรัฐมนตรี แต่สิ่งที่ต้องการเห็น คือ ให้รับบาล ที่มีจากหลายพรรคการเมือง ทำงานเป็นหนึ่งเดียวกัน เพื่อร่วมกันฟื้นฟูเศรษฐกิจ ซึ่งเป็นวาระที่สำคัญมาก นอกเหนือจากการจัดหาวัคซีน เนื่องจากขณะนี้การทำงานของแต่ละกระทรวง ยังมีหลายกระทรวงต่างคนต่างทำงาน ส่วนที่จะมีการเลือกตั้งท้องถิ่นเกิดขึ้น ก็ถือเป็นเรื่องที่ดี เพราะแต่ละท้องถิ่นจะได้มีนโยบายอะไรใหม่ๆ เกิดขึ้น ขณะที่การเดินหน้าประเทศ อยากให้แต่ละพื้นที่ แบ่งวิธีการเข้าพื้นที่เป็น 2 รูปแบบเท่านั้น ไม่อยากให้มีเยอะ คือ พื้นที่สีแดงเข้ม กับพื้นที่เหลือ ไม่เช่นนั้นประชาชนจะสับสน ไม่สามารถกระตุ้นการท่องเที่ยวได้