ผศ.ดร.รัฐพงศ์ บุญญานุวัตร ผู้อำนวยการศูนย์นวัตกรรมการพัฒนาทุนมนุษย์ ม.เกษมบัณฑิต เปิดเผยว่า จากการที่การกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) ร่วมกับ ม.เกษมบัณฑิต โดยศูนย์นวัตกรรมการพัฒนาทุนมนุษย์ จัดโครงการอบรมหลักสูตร “การพัฒนานักบริหารระดับต้นและระดับกลาง” สำหรับผู้บริหารระดับ 7 และระดับ 8 ของ กกท. ผ่านระบบออนไลน์ระหว่างวันที่ 23 ส.ค.-3 ก.ย.ที่ผ่านมา ภายใต้บันทึกข้อตกลงความร่วมมือทางวิชาการนั้น สำหรับหลักสูตรดังกล่าวกำหนดจัดให้มีการประชุมสัมมนาทางวิชาการเรื่อง “ทิศทางกีฬาไทยกับปรากฎการณ์โควิด-19” มีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างพลังร่วมสำหรับการแสวงหาแนวทางในการขับเคลื่อนการพัฒนากีฬาของประเทศภายใต้ปรากฏการณ์โควิด-19 ซึ่งในการสัมมนาดังกล่าวได้รับความสนใจจากผู้บริหาร กกท. ทั้งในส่วนกลางและภูมิภาค เข้าร่วมเป็นจำนวนมาก
การจัดสัมมนาดังกล่าวได้รับเกียรติจากผู้ทรงคุณวุฒิในแวดวงกีฬาเข้าร่วมเป็นวิทยากรเสวนาประกอบด้วย นพ.มรุต จะเศรษฐสิริ อดีตอธิบดีกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก ในฐานะประธานอนุกรรมการแพทย์คณะกรรมการมวยแห่งชาติ, นายณัฐวุฒิ เรืองเวส อดีตรองผู้ว่าการ กกท. ในฐานะนายกสมาคมกีฬาเทเบิลเทนนิสแห่งประเทศไทย และนายสมชาย พูลสวัสดิ์ อดีตอธิบดีกรมสรรพสามิต ในฐานะประธานฝ่ายพัฒนาเทคนิคสมาคมกีฬามวยสากลแห่งประเทศไทย โดยมีตนเองเป็นผู้ดำเนินการเสวนา
การเสวนาครั้งนี้ นพ.มรุต จิระเศรษฐสิริ ได้นำเสนอให้เห็นถึงภาพรวมของปรากฏการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ทั้งในประเทศและต่างประเทศ รวมทั้งแนวคิดในการป้องกันแก้ไขเพื่อให้สังคมไทยและคนในวงการกีฬาทุกภาคส่วน เกิดการตื่นตัวตระหนักในการรับมือกับปรากฏการณ์ดังกล่าว

พร้อมกันี้ นพ.มรุต กล่าวว่า วันนี้ถึงแม้ว่ารัฐบาลจะมีมาตราการป้องกันด้วยการรณรงค์ในมิติที่หลากหลาย ตลอดจนการฉีดวัคซีนป้องกันไปแล้วก็ตามแต่ต้องไม่ลืมว่าไวรัสโควิด-19 ยังไม่ตายและคงจะอยู่กับผู้คนต่อไปอีกนานวัน ยิ่งผู้เกี่ยวข้องกับแวดวงกีฬาไม่ว่าจะเป็นผู้จัดการแข่งขัน นักกีฬา ผู้ฝึกสอนรวมทั้งภาคส่วนต่างๆ ตลอดจนบุคลากรของ กกท. ทุกระดับ ซึ่งมีบทบาทหน้าที่ในการส่งเสริมและสนับสนุนการกีฬาของประเทศ จำเป็นที่จะต้องตระหนักและเข้าไปมีส่วนร่วมหรือเป็นแกนนำในการสร้างองค์ความรู้ตลอดจนนวัตกรรมใหม่ เพื่อร่วมกันกำหนดทิศทางอนาคตให้การกีฬาของชาติสามารถก้าวผ่านวิกฤติไปได้ และที่น่าสนใจการนำรูปแบบแซนด์บ็อกซ์ มาร่วมขับเคลื่อนการกีฬาในสภาวการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ด้วย ก็จะเป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่คนในวงการกีฬา และ กกท. จะต้องแสวงหารูปแบบสำหรับเดินหน้าเพื่อกำหนดทิศทางการพัฒนากีฬาของประเทศไป
นายณัฐวุฒิ เรืองเวส กล่าวว่า ในฐานะที่ตนเคยเป็นหนึ่งในผู้บริหาร กกท. จึงขอสะท้อนให้เห็นว่า กกท. ในฐานะองค์กรที่มีบทบาทหน้าที่ในการส่งเสริมและสนับสนุนการกีฬาของประเทศนั้น ต้องยอมรับว่าตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาทุกภาคส่วนได้ผนึกพลังเป็นหนึ่งเดียวและเข้าไปมีส่วนร่วมในการกำหนดรูปแบบและมาตรการป้องกันการแพร่ระบาด เพื่อให้การขับเคลื่อนกีฬาของประเทศสามารถก้าวผ่านวิกฤติไปให้ได้ ซึ่งจากการดำเนินการดังกล่าวได้รับความร่วมมือจากคนในวงการกีฬาด้วยดี ซึ่งประเด็นนี้ต้องขอขอบคุณทุกภาคส่วนโดยเฉพาะบุคลากของ กกท. ที่กระจายอยู่ทั่วประเทศล้วนแล้วแต่ทำงานหนักกันทั้งสิ้น และจากการผนึกพลังร่วมของสังคมกีฬาไทย เชื่อว่าทิศทางการกีฬาของประเทศจะกลับสู่สภาวปกติในเร็ววัน อย่างไรก็ตาม ในสถานการณ์ที่ยังไม่สามารถชี้ชัดได้ว่าโควิด-19 จะยังอยู่กับเราไปอีกนานแค่ไหนก็ขอเสนอแนวทางให้ผู้เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะจัดการแข่งขันกีฬาชนิดต่างๆ นั้นสามารถจัดการแข่งขันได้ภายใต้นวัตกรรมใหม่หรือการนำต้นแบบที่ประเทศไทยเราประสบความสำเร็จจากการจัดการแข่งขันแบดมินตันระดับโลก 3 รายการ เมื่อตอนต้นปีที่ผ่านมารวมทั้งประยุกต์รูปแบบของต่างประเทศหรือจำลองรูปแบบในบางมติของโอลิมปิกเกมส์ 2020 มาประยุกต์ใช้ก็สามารถทำให้การกีฬาของประเทศก้าวไปสู่ทิศทางอนาคตที่พึงประสงค์ก็เป็นไปได้เช่นกัน

ขณะที่ นายสมชาย พูลสวัสดิ์ กล่าวว่า ต้องยอมรับว่าไวรัสโควิด-19 เป็นหนึ่งมฤตยูร้ายที่นำความเสียหายมาสู่สังคมไทยและสังคมโลกในหลากหลายมิติ ไม่ว่าจะเป็นด้านเศรษฐกิจ และสังคมในภาพรวม ขณะที่แวดวงกีฬา เป็นหนึ่งในภาคส่วนที่ได้รับผลกระทบจากวิกฤติดังกล่าวเป็นอย่างมาก การจัดการแข่งขันตลอดจนการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมกีฬา ที่ก่อนหน้านี้สามารถสร้างมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจและสังคมให้กับประเทศเป็นจำนวนมหาศาล แต่พอโควิด-19 มาเยือนทุกอย่างต้องชะงักลง แต่หากมองในมิติของการขับเคลื่อนหรือเดินหน้าเพื่อส่งเสริมและสนับสนุนการกีฬาของบ้านเรานั้น ต้องยอมรับว่าเรายังโชคดีกว่าอีกหลายประเทศ ทั้งนี้ เพราะองค์กรที่เกี่ยวข้องตลอดจนรัฐบาล ได้ผนึกพลังในการกำหนดมาตรการต่างๆ จนทำให้การจัดการแข่งขันหรือดำเนินกิจกรรมต่างไปได้ยิ่งมองไปที่สมาคมกีฬามวยสากลฯ ด้วยแล้ว ก่อนที่จะเข้าสู่การแข่งขัน “โตเกียวเกมส์ 2020” สมาคมฯ ได้มีการบริหารจัดการและสร้างวินัยให้นักกีฬาปฏิบัติตนภายใต้มาตรการสาธารสุขอย่างเข้มข้น จนทำให้นักกีฬาและผู้เกี่ยวข้องที่เก็บตัวฝึกซ้อมในค่ายมีความพร้อม และจากการดำเนินการดังกล่าวนักชกของเราก็สามารถสร้างผลงานและนำชื่อเสียงมาสู่ประเทศได้อีกวาระหนึ่ง
นายสมชาย กล่าวเพิ่มเติมว่า วันนี้กีฬามวยไทย ซึ่งเป็นกีฬายอดนิยมของคนทั้งประเทศตลอดจนชาวต่างชาติเป็นหนึ่งในกีฬาที่ได้รับผลกระทบเป็นอย่างมากและคาดว่าอีกไม่นานเมื่อสถานการณ์การแพร่ระบาดคลี่คลายไปในทางที่ดีขึ้น นักมวยทั้งใน กทม. และต่างจังหวัดคงจะได้หวนคืนสู่สังเวียนผืนผ้าใบกันอีกครั้ง แต่ก่อนจะถึงวันนั้นใคร่ขอให้นักมวย ค่ายมวย ตลอดจนผู้เกี่ยวข้องได้เตรียมความพร้อมโดยเฉพาะการปฏิบัติตามมาตรการสาธารณสุขที่ภาครัฐกำหนด
ขณะที่ บุคลากร กกท. ซึ่งกระจายอยู่ทั่วประเทศก็ถือได้ว่าคนกลุ่มนี้คือพลังที่สำคัญในการร่วมกำหนดทิศทางอนาคตการกีฬาของประเทศเพื่อฝ่าวิกฤติโควิด-19 ไปด้วยกัน เหนือสิ่งอื่นใดอยากจะฝากคนในวงการกีฬาว่าไม่ว่าถึงแม้จะประสบกับวิกฤติใดก็ตาม หากนักกีฬาตระหนักและให้ความสำคัญกับเรื่องของการมีวินัยเชื่อว่าวงการกีฬาไทย จะไม่เป็นรองใครในโลกนี้