เมื่อวันที่ 25 มิ.ย. ที่อนุสรณ์สถาน 14 ตุลา นายเมธา มาสขาว เลขาธิการคณะกรรมการรณรงค์เพื่อประชาธิปไตย(ครป.) และคณะกรรมการญาติวีรชนพฤษภา 35 กล่าวเปิดงานเสวนาสภาที่ 3 “ถอดบทเรียนอำนาจนิยม #กรณีหยก#ขบถโรงเรียน กับทิศทางการปฏิรูปการศึกษาไทย” ว่ากรณีน้องหยกเป็นขบถโรงเรียนนั้น ขอถอดบทเรียนกรณีน. ส.หยก(ขอสงวนชื่อและนามสกุลจริง) อายุ 15 ปี เยาวชนและนักเคลื่อนไหวทางการเมือง เป็นเพียงตัวอย่างหนึ่งในสังคมไทย ที่เกิดขึ้นจากความต้องการของเด็กในการเรียนหนังสือ เนื้อหาวิชาที่ตนเองชอบและระบบโรงเรียนที่ไม่ตอบสนองภายใต้กรอบของระบบอำนาจนิยมระเบียบ กฎหมาย กฎกระทรวง ภายใต้การดูแลของคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) และกระทรวงศึกษาธิการ

นายเมธา กล่าวต่อว่าแม้การกระทำของน.ส.หยกจะไม่ถูกใจใคร หรือถูกใจใครก็ตาม แต่ต้องถือว่านี่เป็นกรณีศึกษาที่จะนำไปสู่การปฏิรูปการศึกษาทั้งระบบเพื่อแก้ไขปัญหาคุณภาพการศึกษาอย่างแท้จริง ดังนั้น ครป. จึงขอเรียกร้องผู้ที่เกี่ยวข้องโดยเฉพาะกระทรวงศึกษาธิการ คณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้ตั้งคณะกรรมการ ชุดใหญ่ ที่ประชาชน ครู อาจารย์และนักเรียนมีส่วนร่วม เพื่อปฎิรูปการศึกษาทั้งระบบ ทั้งนี้ ครป.ขอให้กำลังใจน.ส.หยก ซึ่งเป็นตัวแทนของนักเรียนคนหนึ่งที่ลุกขึ้นมาต่อสู้เพื่อสิทธิทางการศึกษา ในระบบอำนาจนิยมในโรงเรียนที่ไม่มีคำตอบ เพื่อที่จะบอกสังคมว่า การเรียนรู้ของเด็กนั้นสำคัญแค่ไหน

ปัญหาระบบการศึกษาไทยเกิดขึ้นหนักมากในช่วง 8 ปีที่ผ่านมาในรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและรมว.กลาโหม ซึ่งส่งเสริมระบอบอำนาจนิยมและควบคุมความคิดนักเรียน นิสิต นักศึกษา ไม่ต่างจากรัฐบาลทหารยุคก่อน 14 ตุลา 16 จนเกิดการชุมนุมประท้วงไปทั่ว โดยเฉพาะนโยบายการรวบอำนาจเข้าสู่ศูนย์กลางการสร้างอำนาจรัฐรวมศูนย์
อย่างไรก็ตาม ขอเรียกร้องให้รัฐบาลใหม่ ได้ส่งเสริมการเรียนรู้ทางประวัติศาสตร์ การเรียนรู้ทางการเมืองและสังคมแก่เยาวชน นักเรียน นิสิตมนักศึกษา ให้มากขึ้น เปิดโอกาสให้มีการแสดงความคิดความเห็นอย่างเสรี เพื่อเสริมสร้างการเรียนรู้ทางสังคม ไปสู่จักรวาลการเรียนรู้อย่างกว้างขวางโดยไม่ปิดกั้น.