เมื่อวันที่ 25 มิ.ย.  นายนิพนธ์ บุญญามณี รักษาการรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์  ให้สัมภาษณ์ถึงความคืบหน้าการประชุมใหญ่วิสามัญพรรคประชาธิปัตย์ เพื่อเลือก หัวหน้าพรรค และกรรมการบริหาร (กก.บห.) พรรคฯชุดใหม่ ในวันที่ 9 ก.ค.นี้ว่า ตอนนี้ยังไม่ได้คุยกันเลย แต่สำหรับตนหลังจากอ่านคำสัมภาษณ์ของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เมื่อวันที่ 24 มิ.ย.ที่ผ่านมาแล้ว เห็นว่าแนวทางที่นายอภิสิทธิ์เสนอว่าการสร้างเอกภาพภายในพรรคฯเป็นสิ่งจำเป็นในการจะทำให้พรรคฯเดินไปข้างหน้าได้ ตนจึงเห็นด้วยกับแนวทางของนายอภิสิทธิ์ เพราะเรามีบทเรียนมาหลายครั้งแล้ว ก่อนจะพูดถึงเรื่องตัวบุคคล ในพรรคประชาธิปัตย์ใครก็ได้มีคนที่เหมาะสมอยู่แล้ว

“ดังนั้น วันนี้เราต้องคุยกันและต้องเห็นพ้องต้องกันก่อนว่าถ้าจะแก้ปัญหาได้จะทำอย่างไร พรรคฯเรามีบทเรียนมาหลายครั้งหลายรอบแล้ว ถ้ามันไม่มีเอกภาพ จะเดินไปข้างหน้าลำบาก ฉะนั้นการทำให้พรรคฯมีเอกภาพเป็นสิ่งจำเป็น ผมยังเห็นด้วยว่า ถ้าคุยกันได้ก็ต้องคุยกัน เราไม่ใช่คนอื่นคนไกล ทุกคนเป็นคนในพรรคฯด้วยกัน มีอะไรก็ต้องคุยกัน และในทางการเมืองมันไม่มีใครได้อะไรร้อยเปอร์เซ็นต์หรอก ทุกอย่างก็ต้องคุยกันแบบพี่แบบน้อง คุยกันฉันพี่ฉันน้อง ซึ่งเป็นเรื่องของคนภายในพรรค”นายนิพนธ์ กล่าว

เมื่อถามว่าสื่อมวลชนหลายสำนักวิเคราะห์ตรงกันว่ากลุ่มของนายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รักษาการเลขาธิการพรรคฯ ยังกุมความได้เปรียบเรื่องเสียงโหวตตามข้อบังคับพรรคฯ อยู่ที่ 70 ต่อ 30 เปอร์เซ็นต์ นายนิพนธ์ กล่าวว่า พรรคประชาธิปัตย์ ไม่ใช่ฝั่งของใคร ทุกคนเป็นประชาธิปัตย์ และตนเชื่อมั่นในประชาธิปัตย์ คิดว่าทุกคนคิดถึงอนาคตของพรรคฯเป็นหลัก ตัวบุคคลเรามาแล้วก็ไป แต่พรรคต้องอยู่  ตัวบุคคลเปลี่ยนมาเยอะหลายยุคแล้ว  แต่ถ้าเราคิดว่าตัวบุคคลมาก่อนพรรค แบบนี้มันเป็นคนละหลักการแล้ว สำหรับตยที่เคยอยู่มาตั้งแต่สมัยยุวประชาธิปัตย์ คิดว่าตัวบุคคลเปลี่ยนได้ แต่พรรคจะต้องอยู่ ฉะนั้นในฐานะที่เป็นพี่เป็นน้องกันมีอะไรก็คุยกันฉันพี่ฉันน้อง คุยกันฉันมิตร