เมื่อวันที่ 26 มิ.ย. ที่หน้าศาลากลาง จ.สมุทรสงคราม ชาวบ้านผู้ประกอบอาชีพประมงชายฝั่งเลี้ยงหอยแมลงภู่ในทะเล ประมาณ 50 คน นำโดยนายสมเพชร รัศมี กำนัน ต.บางแก้ว อ.เมืองสมุทรสงคราม นายประสาท เอี่ยมละออ ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 5 ต.บางแก้ว ได้พากันเดินทางมาที่หน้าศาลกลางจังหวัด จ.สมุทรสงคราม เพื่อยื่นหนังสืออุทธรณ์คำสั่งจังหวัดที่ สส.0007/ ว 7862 ลงวันที่ 12 มิ.ย. 2566 ลงนามโดยผู้ว่าฯ สมุทรสงคราม ที่ให้รื้อถอนแปลงเลี้ยงหอยทะเลภายใน 150 วัน ซึ่งชาวบ้านอ้างว่าใช้เป็นที่ทำกินเลี้ยงครอบครัว ต่อนายสมนึก พรหมเขียว ผวจ.สมุทรสงคราม แต่นายสมนึกติดราชการ นายบัณฑิต กุลละวณิชย์ ประมง จ.สมุทรสงคราม จึงลงมารับหนังสือแทน นอกจากนี้ชาวบ้านยังได้ยื่นหนังสือดังกล่าวต่อนายอานุภาพ ลิขิตอำนวยชัย ส.ส.สมุทรสงคราม พรรคก้าวไกล และเจ้าหน้าที่ศูนย์ดำรงธรรม จ.สมุทรสงคราม ด้วย

ทั้งนี้คำสั่งดังกล่าวชาวบ้านบอกว่าทำให้ผู้เลี้ยงหอยแมลงภู่ใน ต.บางแก้ว ได้รับความเดือดร้อนมากในภาวะเศรษฐกิจปัจจุบันนี้ หากไม่สามารถเลี้ยงหอยในทะเลได้ ก็ไม่มีรายได้จุนเจือครอบครัว จะเป็นการตอกย้ำความเดือดร้อนมากขึ้น ประกอบกับผู้เลี้ยงหอยในทะเลไม่มีความรู้ในการที่จะขออนุญาตให้ถูกต้องตามกฎหมาย อีกทั้งไม่ได้รับความใส่ใจจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาช่วยเหลือดูแลปัญหาที่เกิดขึ้น จึงขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องแนะนำ ดูแล ช่วยเหลือให้ความรู้สร้างความเข้าใจแก่ผู้ประกอบการและขอให้ระงับหรือชะลอคำสั่งการรื้อถอนแปลงเลี้ยงหอยดังกล่าวนี้ออกไปก่อน ส่วนกรณีที่จะให้มีการขยายแปลงเลี้ยงหอยออกไปในทะเลจากชายฝั่ง 1,000 เมตร เป็น 3,000 เมตร เพื่อไม่ให้กีดขวางทางเดินเรือนั้น ตนไม่เห็นด้วย เพราะนอกจากจะไปกีดขวางการทำประมงอื่นๆ แล้ว ยังเสี่ยงอันตรายเนื่องจากคลื่นลมแรงอีกด้วย

นายสมเพชร รัศมี กำนัน ต.บางแก้ว กล่าวว่า นําลูกบ้านที่ได้รับความเดือดร้อนมาขอความเมตตาจากกรมประมงและจังหวัด เพราะการเลี้ยงหอยแมลงภู่เป็นอาชีพที่เลี้ยงปากท้องชาวตำบลบางแก้ว ยิ่งตอนนี้รายได้จากการออกทะเลหาปลาไม่แน่นอน ชาวบ้านก็จะมีรายได้จากการเลี้ยงหอยนี่ล่ะ ที่มาช่วยให้อยู่รอด ชาวบ้านเขาก็ต้องการจะทำให้ถูกกฎหมาย ขอให้รัฐจัดสรรปันส่วนพื้นที่ให้ผู้เลี้ยงหอยแมลงภู่ได้ไหม เพราะตอนนี้เขาก็ลำบากจริงๆ แล้วการที่จะให้เขาไปทําประมงห่างจากชายฝั่งไปอีก 3 กิโล หรือ 3,000 เมตร น้ำก็ลึกมาก คลื่นลมก็แรงอีกด้วย อีกทั้งอาจจะไปเกะกะทางเดินเรืออื่นๆ อีกไหม แต่ถ้าให้พวกเขาอยู่ในขอบเขตของเขาจะได้ไหม อาชีพเดียวกันจะถ้อยทีถ้อยอาศัยกันได้ไหม

นายประศาสน์ เอี่ยมละออ ผญบ.หมู่ 5 ต.บางแก้ว กล่าวว่า วันนี้ชาวบางแก้วมายื่นหนังสืออุทธรณ์ กรณีมีคําสั่งจังหวัดให้รื้อแปลงหอยที่ ต.บางแก้ว ซึ่งมีชาวบ้านที่ได้รับความเดือดร้อนประมาณ 80 ครัวเรือน รวมพื้นที่กว่า 1,000 ไร่ ชาวบ้านเขาเริ่มทำกันมาตั้งแต่ปี 2562 แต่เกิดจากเหตุที่มีผู้ไปร้องเรียนว่าการทำแปลงหอยแมลงภู่ของชาวบ้านกีดขวางทางเดินเรือ ทั้งที่ก่อนหน้านี้เคยมีการจัดการประชาคมไปแล้ว เพื่อหาข้อยุติและแก้ปัญหาถึง 4 ครั้ง แต่ทางผู้ร้องเรียนไม่มาแสดงตัวในเวทีประชาคมเลย จึงไม่อาจมีผลสรุปยุติปัญหาได้ แต่ถ้ากล่าวถึงสภาพตามความเป็นจริงก็คือ พื้นที่ที่ชาวบ้านทำแปลงหอยแมลงภู่อยู่ปากคลองของหมู่บ้าน ผู้ที่มาร้องจังหวัดก็น่าจะไม่ใช่คนอื่นไกล แต่ผู้ร้องไม่มาแสดงตัว เรื่องการจะผลักดันให้ถูกกฎหมายมันก็ติดขัด

นางพรพรรณ นวมศิริ อายุ 63 ปี ชาวประมงพื้นบ้านหมู่ 5 ต.บางแก้ว กล่าวว่า กล่าวว่า ตนเลี้ยงหอยแมลงภู่ 4 ไร่ ตั้งแต่ปี 2540 ก็มีการทำเรื่อยมา แต่ล่าสุดทางราชการเขาบอกว่า เราทําผิดกฎหมาย เราก็อยากทำให้ถูกต้อง แต่ถ้าจะรื้อภายใน 150 วัน มันกระชั้นชิดเกินไป เพราะลงทุนไปเยอะแล้ว มันก็จะเสียหายมากเพราะต้องรื้อถอนหมด แล้วพวกเราชาวบ้านก็ใช้ทุนเล็กๆ น้อยๆ เอาไปลงที่แปลงหอยหมด แล้วถ้าจะให้เลิกก็ไม่มีทุนจะไปทำอาชีพอะไรต่อ ส่วนที่ทางจังหวัดประกาศการขยายเขตการทำประมงชายฝั่งจาก 1,000 เมตร เป็น 3,000 เมตรนั้น ชาวประมงพื้นบ้านก็ลำบาก เพราะใช้เรือเล็กถ้าจะออกไปไกลก็เสี่ยงน้ำลึกอันตราย และใช้ทุนสูง จึงวอนผู้ว่าราชการจังหวัด หรือผู้ที่เกี่ยวข้อง อนุโลมขยายเวลาผ่อนผันให้ทำกินไปก่อน หรือจะให้รื้อบางส่วนเพื่อให้ทางเดินเรือสะดวกก็ได้

นายอานุภาพ ลิขิตอำนวยชัย ส.ส.สมุทรสงคราม พรรคก้าวไกล กล่าวว่า มารับเรื่องร้องเรียนจากชาวประมงพื้นบ้านตำบลบางแก้ว ที่ได้รับผลกระทบจากคําสั่งปกครองของจังหวัดให้รื้อถอนแปลงหอยแมลงภู่ เพื่อยื่นอุทธรณ์คําสั่งนี้ต่อสำนักงานประมงจังหวัด และศูนย์ดํารงธรรมเพื่อร้องทุกข์ต่อผู้ว่าราชการจังหวัดต่อไป และยื่นให้สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรอีกหนึ่งฉบับ เพื่อดําเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องในส่วนของตน จะนำปัญหาของชาวบ้านเข้าไปหารือต่อคณะกรรมาธิการที่เกี่ยวข้อง หรือหารือกับทางรัฐบาลใหม่ในอนาคต เพื่อแก้ไขปัญหาและแก้ไขกฎหมายที่เกี่ยวข้องต่อไป

ด้าน นายบัณฑิต กุลละวณิชย์ ประมง จ.สมุทรสงคราม กล่าวเพียงสั้นๆ ว่า “จะตรวจสอบเรื่องก่อนว่าเป็นเช่นไร แล้วจะนำเรียนตามลำดับต่อไป”