การเดินทางของคณะสงฆ์วัดพระเชตุพนวิมลมังคลารามหรือวัดโพธิ์ เพื่อสร้างสันติภาพและสันติสุข ร่วมกัน ระหว่างพุทธจักร-คริสตจักร ระหว่างวันที่ 9 – 16 มิ.ย.2566 ณ นครรัฐวาติกัน มีนัยสำคัญที่ต้องการสื่อให้ชาวโลกรับรู้ คือการแก้ไขปัญหาสังคมของโลกที่กำลังวิกฤติ สมเด็จพระมหาธีราจารย์ กรรมการมหาเถรสมาคม เจ้าอาวาสวัดพระเชตุพนฯ ประธานสำนักงานกำกับดูแลพระธรรมทูตไปต่างประเทศ เล่าให้ฟังว่า “อาตมภาพ มีศาสนกิจที่จะต้องไปฏิบัติที่วัดสันตจิตตาราม สาธารณรัฐอิตาลี ในวันที่ 10 – 11 ม.ย.2566 และได้ทราบจากพระสมณทูตวาติกัน ประจำประเทศไทยว่า พระคาร์ดินัลมิเกลแองเกิล อยูโซ กวินโซ ประธาน สมณกระทรวงเพื่อการเสวนาระหว่างศาสนา นครรัฐวาติกัน แจ้งว่าสมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิส มีพระประสงค์และพระเมตตาให้คณะสงฆ์วัดพระเชตุพนฯ รวมทั้งคณะพระธรรมทูตพร้อมด้วยเอกอัครราชทูต ณ กรุงโรม เอกอัคร ราชทูตวาติกัน ณ กรุงเบิร์นและผู้แทนจากสถาบันพระปกเกล้าเข้าเฝ้าในวโรกาสมิตรภาพแห่งการเยี่ยมเยือน รวมถึงพูดคุยแนวทางในการร่วมกันสร้างสันติภาพและสันติสุขแก่โลกในวันที่ 15 มิ.ย.2566 แต่เนื่องจากพระองค์ทรงประชวรต้องเข้ารับการผ่าตัด จึงได้มีพระเมตตามอบหมายให้พระคาร์ดินัล มิเกลแองเกิล อยูโซ กวินโซ เป็นผู้แทน ให้การต้อนรับคณะและสวดภาวนาร่วมกันเพื่อให้สมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิส ทรงหายจากการประชวรในเร็ววัน”


พร้อมกันนี้ พระคาร์ดินัลฯ อยูโซ ได้นำพระสมณประสงค์ในสมเด็จพระสันตาปาฟรานซิส มากล่าวแก่คณะ ว่า วาติกัน เห็นว่าชาวโลกขณะนี้ กำลังเดือดร้อน มีคนในสังคมที่ได้รับบาดเจ็บและไม่ได้รับการแก้ไขและเยี่ยวยาเป็นจำนวนมาก สิ่งที่จะช่วยบรรเทาความเจ็บปวดนั้นได้ คือ ความกรุณา สังคมใดที่แบ่งบันความกรุณาต่อเพื่อนมษุนย์ด้วยกัน สังคมก็จะมีความสงบสุข ไม่มีการกดขี่ข่มเหงและใช้ความรุนแรง ไม่ว่าจะนับถือศาสนาใดหรือวิธีการปฏิบัติจะต่างกันเช่นกัน แต่เป้าหมายของหลักคำสอนของทุกศาสนา คือ สอนให้ทุกคนมีความกรุณา และสมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิส รู้สึกยินดีเป็นยิ่งนักที่ทราบว่าการเดินทางมาสาธาณรัฐอิตาลีของคณะสงฆ์วัดพระเชตุพนฯ พร้อมทั้งคณะพระธรรมทูตได้เดินทางไปยังมหาวิหารหลายแห่งของวาติกัน เพื่อเยี่ยมเยือนและร่วมสวดภาวนาระหว่างสองศาสนาในการร่วมกันสร้างสันติภาพและสันติสุขให้เกิดขึ้น โดยเฉพาะการเดินทางไปที่เมืองอัสซีซี ซึ่งเป็นเมืองศักดิ์ สิทธิ์ของคริสตศาสนิกชนทั่วโลกและได้ร่วมสวดภาวนาพร้อมกัน สร้างความประทับใจแก่ผู้ที่มาเข้าร่วมพิธีทั้งสองศาสนาเป็นยิ่งนัก


และก่อนที่จะจบพระสมณสาสน์ พระคาร์ดินัล ฯ อยูโซ ยังได้กล่าวเพิ่มเติมว่า “ต้องขอขอบคุณคณะสงฆ์วัดพระเชตุพนฯ และคณะเป็นยิ่งนัก แม้จะทราบข่าวว่าสมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิส ทรงประชวรและรักษาพระองค์อยู่ แต่คณะทุกคนยังประสงค์ที่จะเดินทางมายังนครรัฐวาติกัน เพื่อร่วมแบ่งปันความทุกข์และความสุขด้วยกัน นับเป็นมิตรแท้ที่อยู่เคียงข้างกันเสมอ”
ก่อนที่จะเดินทางกลับจากครรัฐวาติกัน สมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิส ยังได้มีพระเมตตาผ่านพระคาร์ดินัลฯ อยูโซ ทรงประทานโอกาสให้คณะทุกคนได้เข้าชมสวนส่วนพระองค์ในพระราชวังวาติกัน สร้างความซาบซึ้งใจแก่คณะทุกคนเป็นยิ่งนัก.