เมื่อวันที่ 1 ก.ค. เวลา 10.30 น. ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายราเมศ รัตนะเชวง โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ แถลงว่า พรรคประชาธิปัตย์จะเรียกประชุม ส.ส. ทั้ง 25 คน ในวันที่ 2 ก.ค. นี้ เวลา 13.00 น. โดยมีวาระการประชุมเรื่องการเลือกประธานและรองประธาน ส.ส. รวมถึงเลขานุการที่ประชุม ส.ส. ซึ่งถือเป็นหลักปฏิบัติเมื่อสภาผู้แทนราษฎรชุดใหม่ ทั้งนี้ นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รักษาเลขาธิการพรรค ได้ขอให้ ส.ส. ของพรรคทุกคน เตรียมความพร้อมการทำหน้าที่และนำการแก้ปัญหาต่างๆ ของประชาชนเข้าไปผลักดันในสภา อาทิ เรื่องสิทธิที่ดินทำกิน กรณีของร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ราชทัณฑ์ ที่ยังค้างการพิจารณาอยู่ในระเบียบวาระประชุมของสภา
โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวอีกว่า ส่วนที่สื่อมวลชนคาดการณ์ว่าในการประชุม ส.ส. ของพรรคครั้งนี้ อาจจะมีการหารือถึงการเลือกประธานสภาด้วยนั้น ตนขอชี้แจงว่า ที่ประชุม ส.ส. ของพรรคประชาธิปัตย์มักมีการวิเคราะห์สถานการณ์การเมืองเป็นปกติอยู่แล้ว ซึ่งในการประชุมครั้งนี้ อาจมีการพูดคุยถึงเรื่องประธานสภาด้วย แต่คงไม่ได้ลงรายละเอียดและไปถึงเรื่องตัวบุคคล เพราะขณะนี้ยังไม่ชัดเจนว่าพรรคไหนจะส่งบุคคลใดลงชิงตำแหน่งประธานสภา โดยยังมีเวลาไปจนถึงเช้าวันที่ 4 ก.ค. แล้วจากนั้นจะมีความชัดเจนเรื่องตัวบุคคลที่ชิงตำแหน่งนี้
นายราเมศ กล่าวว่า สำหรับการประชุมใหญ่วิสามัญของพรรคประชาธิปัตย์ จะจัดขึ้นในวันที่ 9 ก.ค. นี้ เวลา 08.30 น. ที่โรงแรมมิราเคิล แกรนด์ คอนเวนชั่น ซึ่งมีวาระประชุมสำคัญคือการเลือกกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งตำแหน่งหัวหน้าพรรค แทนนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ ที่ลาออกจากตำแหน่งดังกล่าว รวมถึงเลือกกรรมการสรรหาผู้สมัครรับเลือกตั้งของพรรค ทั้งนี้ พรรคได้จัดเตรียมทุกอย่างไว้พร้อมแล้วสำหรับการประชุมใหญ่วิสามัญดังกล่าว ทั้งองค์ประชุม บัตร เชื่อว่าจะมีสมาชิกพรรค ทั้งผู้ที่เป็นและไม่เป็นองค์ประชุม จะมาร่วมติดตามผลการประชุมใหญ่ในครั้งนี้เป็นจำนวนมาก
ผู้สื่อข่าวถามว่านอกจากนายอลงกรณ์ พลบุตร รักษาการรองหัวหน้าพรรค ที่เปิดตัวชิงตำแหน่งหัวหน้าพรรคแล้ว ยังมีข่าวการจะเสนอชื่อนายเดชอิศม์ ขาวทอง ส.ส.สงขลา น.ส.วทันยา บุนนาค ประธานคณะทำงานนวัตกรรมการเมือง กทม. พรรคประชาธิปัตย์ ร่วมชิงด้วย นายราเมศ กล่าวว่า นอกจากกรณีของนายอลงกรณ์แล้ว ก็ยังไม่มีใครประกาศตัวอย่างเป็นทางการอีกบ้าง แต่การที่ใครจะเสนอชื่อบุคคลชิงตำแหน่งนี้ต่อที่ประชุมใหญ่ของพรรค จะได้เสียงรับรองเกินกึ่งหนึ่งขององค์ประชุมทั้งหมดที่มีจำนวน 374 คน ซึ่งตนเชื่อว่าตรงนี้ไม่น่ามีปัญหา
เมื่อถามว่ากรณีที่นายเดชอิศม์จะลงชิงตำแหน่งหัวหน้าพรรคด้วย เพื่อถูกโยงว่าเตรียมจะนำไปสู่การร่วมรัฐบาล แต่ถ้าเป็นฝั่งของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ลงสมัคร ก็จะทำให้พรรคไปเป็นฝ่ายค้าน นายราเมศ กล่าวว่า การจะไปร่วมรัฐบาลหรือไม่นั้น ต้องมีการพูดคุยกัน โดยจะมีการประชุมคณะกรรมการบริหารพรรคร่วมกับ ส.ส. แล้วมีเป็นมติออก ทั้งนี้ขอย้ำว่าพรรคประชาธิปัตย์ไม่เคยติดต่อกับพรรคไหน หรือมีดีลลับกับใคร แต่การพูดคุยหรือวิเคราะห์สถานการณ์การเมืองกับคนต่างพรรค เป็นเรื่องปกติ
เมื่อถามว่ากรณีของ น.ส.วทันยา ถูกตั้งข้อสังเกตเรื่องคุณสมบัติลงสมัครหัวหน้าพรรค ที่กำหนดไว้ในข้อบังคับพรรค นายราเมศ กล่าวว่า ตนขอระบุถึงตัวบุคคล และยังไม่รู้ว่า น.ส.วทันยา จะลงสมัครด้วยหรือไม่ แต่ผู้ที่ได้รับการเสนอชื่อลงสมัครหัวหน้าพรรคนั้น ตามข้อบังคับพรรคกำหนดคุณสมบัติในไว้ข้อที่ 31 ระบุว่า สมาชิกผู้มีคุณสมบัติที่จะได้รับเลือกตั้งเป็นคณะกรรมการบริหารพรรคจะต้องมีอายุไม่ต่ำกว่า 20 ปีบริบูรณ์ และเป็นสมาชิกติดต่อกันไม่น้อยกว่า 5 ปีนับถึงวันเลือกตั้ง แต่มีข้อยกเว้นว่า เว้นแต่สมาชิกที่มีคุณสมบัติข้อใดข้อหนึ่ง ดังนี้ (1) เป็นหรือเคยเป็นกรรมการบริหารพรรค (2) เป็นหรือเคยเป็นคณะกรรมการสาขาพรรค (3) เป็นหรือเคยเป็น ส.ส. ในนามพรรค (4) เป็นหรือเคยเป็นรัฐมนตรีในนามพรรค (5) เป็นหรือเคยเป็นสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่นที่พรรคส่งลงสมัครรับเลือกตั้ง และ (6) สมาชิกที่ที่ประชุมใหญ่มีมติด้วยคะแนนเสียงไม่น้อยกว่า 3 ใน 4 ของที่ประชุมใหญ่ มีมติให้ลงสมัครรับเลือกตั้งเป็นคณะกรรมการบริหารพรรค คือใช้เสียงองค์ประชุม 282 คน