เมื่อวันที่ 3 ก.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กระแสการปลูกทุเรียนในพื้นที่ อ.ครบุรี จ.นครราชสีมา กำลังได้รับความนิยม และเกษตรกรเริ่มสนใจหันมาเพาะปลูกเพิ่มขึ้นกันเป็นจำนวนมาก แต่การปลูกทุเรียนจนกว่าจนได้ผลผลิตพอเก็บเกี่ยวนั้น ต้องใช้ความชำนาญและเวลากว่า 4 ปี จึงจะได้ผลผลิต เกษตรกรบางรายจึงต้องหาวิธีการปลูกพืชชนิดอื่นเสริมไปด้วย เพื่อให้พอมีรายได้มาเลี้ยงครอบครัว และนำไปต่อยอดดูแลต้นทุเรียนจนกว่าจะได้ผลผลิตพอเก็บเกี่ยว เนื่องจากไม่มีเงินทุนมากพอที่จะต้องดูแลทุเรียนเพียงอย่างเดียว
อย่างเช่น นายพิชัย วิทยาพรพิพัฒน์ วัย 56 ปี เกษตรกรผู้เริ่มปลูกทุเรียนบ้านหนองโบสถ์บ่อลิง หมู่ที่ 13 ต.โคกกระชาย อ.ครบุรี จ.นครราชสีมา ที่ตอนนี้เริ่มปลูกทุเรียนไว้ 5 ไร่ แต่ก็ต้องปลูกพืชชนิดอื่นๆ เสริมเอาไว้ เพื่อให้พอมีรายได้มาจุนเจือครอบครัว และเอาไว้ลงทุนดูแลทุเรียนให้เติบโต จนกว่าจะได้ผลผลิต อาทิ ผักหวาน มะละกอ กล้วย น้อยหน่า เป็นต้น

นายพิชัย กล่าวว่า ตอนนี้ในสวนทุเรียนที่ตนเองปลูกเอาไว้มานานเกือบ 2 ปี ก็มีผักผลไม้หลากหลายอย่างปลูกเสริมเอาไว้ด้วย อย่างเช่น ผักหวาน น้อยหน่า อะโวคาโด สะตอ เพื่อใช้เป็นพืชเสริมทำรายได้ในช่วงที่ต้องรอทุเรียนให้ผลผลิต โดยรายได้หลักตอนนี้ ก็อยู่ที่ผักหวานป่า ที่ตนเองได้ปลูกเอาไว้ก่อนหน้าที่จะเริ่มปลูกทุเรียน รวมถึงมะละกอ พันธุ์ดำเนินสะดวก ที่เริ่มนำมาปลูกไว้ ซึ่งตอนนี้ก็ทำรายได้เกินหลักแสนไปแล้ว เพราะราคาค่อนข้างดี ทำให้มีรายได้มาจุนเจือครอบครัวและเอาไว้ดูแลใส่ปุ๋ยทำระบบน้ำให้กับทุเรียน จนกว่าจะได้ผลผลิตต่อไป ซึ่งก็ถือว่าดีกว่าปล่อยพื้นที่ทิ้งไว้ และลงทุนดูแลทุเรียนอย่างเดียว เพราะเงินทุนก็จะร่อยหรอลงเรื่อยๆ อีกทั้งหากทุเรียนเกิดปัญหา ถูกโรคแมลงรบกวนหรือดูแลไม่ดีพอ ก็อาจจะตายลง ทำให้เงินทุนที่ลงไป เสียไปโดยเปล่าประโยชน์