เอ๊ด แคสซาโน ซีอีโอของบริษัทเพลาจิก รีเสิร์ช เซอร์วิส ซึ่งเป็นหนึ่งในทีมงานปฏิบัติการเก็บกู้ซากเรือดำน้ำไททัน กล่าวในงานแถลงข่าวสื่อมวลชน เมื่อวันที่ 30 มิ.ย. ที่ผ่านมาว่า ในตอนแรก ยานค้นหาใต้น้ำด้วยการบังคับระยะไกล (ROV) ของบริษัทที่ชื่อว่า Odysseus 6K จะเป็นอุปกรณ์หลักในปฏิบัติการช่วยเหลือผู้โดยสารของเรือไททัน หลังจากที่มีข่าวว่าเรือไททัน ขาดการติดต่อไปเมื่อวันที่ 18 มิ.ย. 2566
เรือของเพลาจิกมี ROV 2 ลำ สำหรับปฏิบัติการ ลำหนึ่งสามารถลงไปได้ลึกเพียง 8,860 ฟุต ขณะที่ซากเรือไททานิกอยู่ลึกถึง 13,000 ฟุต แคสซาโน เล่าว่า ROV อีกลำของเพลาจิกสูญหายไประหว่างทดลองดำลงสู่ก้นทะเลก่อนหน้าจะไปถึงหน้างาน เนื่องจากลงสู่ระดับที่ลึกเกินไปสำหรับตัวยาน
ระหว่างนั้นมีการวางแผนการกู้ภัย โดยจะอาศัยยาน Odysseus 6K ช่วยยกเรือไททันร่วมกับการใช้เรือดีพ เอเนอร์จี ซึ่งเป็นเรือใหญ่ที่ใช้งานด้านการวางท่อใต้ทะเล เพื่อสร้างแนวท่อสำหรับยกเรือไททันขึ้นสู่ผิวน้ำ
แต่แล้ว เมื่อ เพลาจิก ปล่อยยาน Odysseus 6K ลงสู่ก้นมหาสมุทรแอตแลนติกเมื่อวันที่ 22 ก.ค. 2566 และไปถึงบริเวณซากเรือไททานิก ที่ความลึกประมาณ 3,800 เมตร ในเวลา 90 นาที ความหวังว่าจะเจอเรือไททัน และผู้โดยสารก็หายไป เพราะหลังจากที่ยานลงถึงก้นทะเลไม่นานนัก ก็เจอเศษชิ้นส่วนของเรือดำน้ำไททัน
“เมื่อเวลา 12.00 น. น่าเศร้าที่การกู้ภัยกลับกลายเป็นการเก็บกู้ซากเรือ” แคสซาโน กล่าวระหว่างงานแถลงข่าวด้วยอาการกลั้นสะอื้นและมีน้ำตาคลอ เนื่องจากเขาและทีมงานของโอเชียนเกต เจ้าของเรือดำน้ำไททัน มีความคุ้นเคยกันในฐานะคนในวงการเดียวกัน
เจ้าหน้าที่และทีมงานเชื่อว่า เรือดำน้ำไททันประสบอุบัติเหตุ ทำให้เกิดการระเบิดเข้าสู่ภายในตัวเรือ หลังจากดำลงสู่ใต้ทะเลเพื่อชมซากเรือไททานิกไม่นานนัก ทำให้ผู้โดยสารและลูกเรือ 5 คน ได้แก่ นายฮามิช ฮาร์ดิง นักธุรกิจพันล้านและนักสำรวจชาวสหราชอาณาจักร ประธานบริษัทด้านอากาศยาน แอ็กชัน เอวิเอชัน นายชาห์ซาดา ดาวูด นักธุรกิจชาวปากีสถาน และนายสุเลมาน ดาวูด บุตรชาย นายปอล อองรี นาโชเลต์ นักสำรวจชาวฝรั่งเศส และนายสต็อกตัน รัช ประธานคณะเจ้าหน้าที่บริหาร (ซีอีโอ) บริษัท โอเชียนเกต เอ็กซ์เพดิชันส์ เจ้าของเรือดำน้ำไททัน เสียชีวิตทั้งหมด
แหล่งข่าว : nypost.com, insider.com
เครดิตภาพ : AFP