"กัญชรักษ์ สหคลินิก" ตั้งอยู่ที่จังหวัดปทุมธานี นับเป็นคลินิกกัญชาทางการแพทย์ทางเลือก ซึ่งผ่านการขออนุญาตและจดทะเบียนอย่างถูกต้องแห่งแรกในประเทศไทย นับตั้งแต่รัฐบาลไทยได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษา เมื่อวันที่ 15 ธ.ค. 2563 ให้ทุกส่วนของกัญชาและกัญชง ยกเว้นช่อดอกและเมล็ดกัญชา พ้นจากสถานการณ์เป็นยาเสพติดให้โทษประเภท 5

คุณฐิติรัตน์ เจริญอาจ ผู้จัดการของกัญชรักษ์สหคลินิก กล่าวกับสำนักข่าว เอ24 ของสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ( ยูเออี ) ว่าคนไทยส่วนหนึ่งยังยึดติดกับภาพลักษณ์ของกัญชาที่เป็นยาเสพติด และส่วนใหญ่ยังไม่เข้าใจเกี่ยวกับคุณและโทษของพืชทั้ง 2 ชนิด แม้ว่าสรรพคุณของกัญชาและกัญชง จะทำให้สามารถรักษาโรคได้ครอบคลุมมากขึ้นก็ตาม
ในอีกด้านหนึ่ง ภก.ประกอบ เจียนมะเริง หัวหน้ากลุ่มงานการแพทย์แผนไทย และการแพทย์ทางเลือก สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดนครราชสีมา เผยว่า นอกจากสถานการณ์ที่มีการแพร่ระบาดของโรคในปัจจุบันจะทำให้คนหันมาหาการแพทย์ทางเลือกและสมุนไพรมากขึ้น กระทรวงสาธารณสุขเองยังมีนโยบายที่ส่งเสริมให้นำการแพทย์แผนไทยมาใช้รักษาโรคเรื้อรัง โดยเฉพาะโรคที่มีภาวะปวดรุนแรง ควบคู่กับการแพทย์แผนปัจจุบันมากขึ้นด้วย

“หลาย ๆ สถานการณ์ โดยเฉพาะสถานการณ์โรคระบาด ซึ่งการใช้ยาแผนปัจจุบันก็ยังอาจจะไม่เพียงพอ หรือวัคซีนก็ยังไม่เพียงพอ เพราะฉะนั้นคนก็จะหันมาพึ่งในเรื่องของแพทย์ทางเลือกซึ่งก็จะเป็นในเรื่องของ Choice ก็คือสมุนไพร แล้วก็มีผลงานวิจัยในบางสมุนไพรนะครับ
กระแสของสมุนไพรที่ใช้กับการแพทย์ทางเลือกก็เพิ่มมากขึ้น เพราะฉะนั้นมันก็เลยมีการใช้ในเรื่องของแพทย์ทางเลือกเยอะขึ้น แล้วก็ประกอบกับแพทย์ทางเลือก ก็เป็นวิชาชีพพื้นฐานของคนไทยมาตั้งแต่ยาวนาน การยอมรับในเรื่องวิชาชีพก็คงเป็นเรื่องที่มีการยอมรับมากขึ้น ถ้าเทียบกับในอดีตนะ เนื่องจากว่าในบทบาทของบางกิจกรรมอย่าง เช่น เรื่องของ Intermediate Care เรียกย่อ INC นะ ก็จะมีบทบาทที่แพทย์แผนไทย เข้าไปร่วมดูแลกับสหวิชาชีพมากขึ้น หรือการดูแลผู้ป่วยในผู้ป่วยโรคที่ไม่ติดเชื้อ หรือ NCD เช่น โรคเบาหวาน ความดัน ซึ่งทีมแพทย์แผนไทยก็จะอยู่ในทีมด้วย” ภก.ประกอบกล่าว.
ข้อมูลจาก : A24 News Agency EN