เมื่อวันที่ 10 ก.ย. ที่รัฐสภา ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ประชุมร่วมรัฐสภามีมติ 472 ต่อ 33 เสียง งดออกเสียง 187 เสียงผ่าน ร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญวาระที่ 3 มาตรา 83 และมาตรา 91 เปลี่ยนระบบเลือกตั้งจากระบบจัดสรรปันส่วนผสม (MMA) ที่ใช้บัตรเลือกตั้ง 1 ใบเปลี่ยนไปเป็นระบบเลือกตั้งแบบคู่ขนาน (MMM) ใช้บัตรเลือกตั้ง 2 ใบ และให้มี ส.ส.แบบแบ่งเขต 400 คน, ส.ส.บัญชีรายชื่อ 100 คน รวมทั้งหมด 500 คน

ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่าสำหรับผลการลงมติ 472 ต่อ 33 เสียง งดออกเสียง 187 เสียง สามารถแจกแจงได้ดังนี้ (1) คะแนนเห็นชอบ 472 เสียงแบ่งเป็น ส.ส. 233 เสียง, ส.ว. 149 เสียง (2) คะแนนไม่เห็นชอบ 33 เสียง แบ่งเป็น ส.ส. 23 เสียง, ส.ว. 10 เสียง (3) งดออกเสียง 187 เสียง แบ่งเป็น ส.ส. 121 เสียง, ส.ว. 66 เสียง

อย่างไรก็ตาม ตามรัฐธรรมนูญกำหนดเกณฑ์ผ่านร่างแก้ไขไว้ 3 เงื่อนไข ประกอบด้วย

(1) เงื่อนไขที่หนึ่ง ต้องได้คะแนนเห็นชอบมากกว่ากึ่งหนึ่งของสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ของสองสภา หรือ 365 เสียง ซึ่งร่างรัฐธรรมนูญได้คะแนนเห็นชอบ 472คะแนน เท่ากับว่าผ่านเงื่อนไขที่หนึ่ง

(2) เงื่อนไขที่สอง ในจำนวนคะแนนเห็นชอบต้องได้เสียงจากพรรคที่ไม่ได้มีรมต. หรือประธานรัฐสภามากกว่าร้อยละ 20 หรือ 49 เสียง ซึ่งร่างรัฐธรรมนูญได้คะแนนเห็นชอบด้วย 142 คะแนน ฉะนั้น จึงผ่านเกณฑ์เงื่อนไขที่สอง

(3) เงื่อนไขที่สาม ในคะแนนเห็นชอบต้องมีส.ว.เห็นด้วย 1 ใน 3 ของส.ว.เท่าที่มีอยู่ หรือไม่น้อยกว่า 84 คน ซึ่งส.ว.เห็นชอบ 149 เสียง เท่ากับว่าร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขดังกล่าวผ่านทั้งสามเงื่อนไข

สำหรับขั้นตอนหลังจากร่างรัฐธรรมนูญ ผ่านวาระที่สามให้รอ 15 วันแล้วจึงนําร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติมขึ้นทูลเกล้าฯ แต่หาก ส.ส. หรือ ส.ว. หรือสมาชิกทั้งสองสภา เข้าชื่อส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย ตามเงื่อนไขมาตรา 256 (9) ในระหว่างนี้นายกรัฐมนตรีจะนําร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติมดังกล่าวขึ้นทูลเกล้าฯ มิได้.