เหตุการณ์ปลดฟ้าผ่า 2 รมต. ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมช.เกษตรฯ และ นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รมช.แรงงาน เป็นเรื่องการเช็กบิลคนหักหลัง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ชัดเจน และยืนยันได้ว่า มีความพยายามโหวตล้มนายกฯ ในศึกอภิปรายไม่ไว้วางใจ จริง

ข่าววงในแจ้งว่า ภายหลังการลงมติอภิปรายไม่ไว้วางใจเมื่อวันที่ 4 ก.ย. นายกรัฐมนตรีได้รับคะแนนไว้วางใจรองบ๊วย และมีคะแนนไม่ไว้วางใจมากที่สุด พล.อ.ประยุทธ์ ถึงกับลมออกหู เพราะแม้คะแนนจะไม่มีผลอะไร ทำอะไรตัวเองไม่ได้ แต่ในทางเกมการเมือง เจ้าตัวรู้ดีว่า “โดนเข้าแล้ว” “ลุงตู่”ตั้งข้อสังเกตกึ่งสั่งการกับคนใกล้ชิดว่า “มีคนหักหลัง ไปดูหน่อย”

ปัญหาวันนี้คือ “พี่ป้อม” รู้ล่วงหน้าไม่กี่นาที ที่ ”น้องตู่”จะปลดเด็กในคาถาของตัวเองถึง 2 คน เพราะช่วงบ่ายโมงเศษๆ วันที่ 9 ก.ย. พล.อ.ประยุทธ์ ได้ออกจากทำเนียบรัฐบาล เข้าไปหา พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ที่มูลนิธิป่ารอยต่อฯ เพื่อแจ้งเรื่องการปลด ร.อ.ธรรมนัส และนางนฤมล ออกจากตำแหน่งรัฐมนตรี ที่สำคัญ มีการโปรดเกล้าฯ ลงมา และประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้ว

ปิดประตูหารือ หรือทัดทานในทุกช่องทาง!!

“บิ๊กป้อม” ถามว่าทำไมทำอย่างนี้ “บิ๊กตู่”ตอบกลับไปสั้นๆ ว่า “เรื่องของผม” ก่อนจะออกไปปฏิบัติภารกิจตามปกติ

แหล่งข่าวเผยว่า พล.อ.ประวิตร ก็ไม่คาดคิดว่า นายกฯ จะตัดสินใจเช่นนี้

เพราะหลังศึกอภิปรายไม่ไว้วางใจ วันที่ 6 ก.ย. ร.อ.ธรรมนัส วิ่งเข้ามูลนิธิป่ารอยต่อฯ ขอลาออกจากรัฐมนตรี แต่ถูก พล.อ.ประวิตร แตะเบรกไว้ ว่า “ทุกอย่างจบแล้ว เคลียร์แล้ว ไม่ต้องออก” นั่นคือมั่นใจในพาวเวอร์ของตัวเอง

…แต่ พล.อ.ประยุทธ์ ไม่เอาด้วย..!!?

ยิ่ง นายกฯ ปัดตอบคำถามสื่อถึงประเด็นเคลียร์ใจกับ “พี่ป้อม” ว่า “เคลียร์เรื่องอะไร ไปดูมาตรา 171”

เมื่อพลิกไปดูข้อเขียนของ อ.ธงทอง จันทรางศุ ระบุว่า…กรณีนายกรัฐมนตรีไม่ประสงค์ให้รัฐมนตรีทำงานร่วมคณะต่อไป เป็นเหตุการณ์ตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญมาตรา 171 พระมหากษัตริย์ทรงไว้ซึ่งพระราชอำนาจในการให้รัฐมนตรีพ้นจากความเป็นรัฐมนตรีตามที่นายกรัฐมนตรีถวายคำแนะนำ กรณีเช่นนี้ต้องมีประกาศพระบรมราชโองการให้รัฐมนตรีพ้นจากความเป็นรัฐมนตรี

พูดภาษาชาวบ้าน คือไล่ออกนั่นเอง

ชัดเจนด้วยภารกิจของ พล.อ.ประวิตร ในเวลา 10.00 น.วันที่ 10 ก.ย.จะเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (กนช.) ครั้งที่ 3/2564 ผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอร์เรนซ์ จากห้องประชุม 301 ตึกบัญชาการ 1 ทำเนียบรัฐบาล แต่ปรากฏว่าก่อนถึงเวลาประชุมทีมงานพล.อ.ประวิตร แจ้งว่าได้เปลี่ยนสถานที่ประชุมอย่างกะทันหัน ไปใช้มูลนิธิป่ารอยต่อฯ แทน

เป็นการเลี่ยงจะตอบคำถามสื่อถึงประเด็นการเมืองที่กำลังร้อนฉ่านี้หรือไม่!!?

ยิ่ง ร.อ.ธรรมนัส กล่าวในการแถลงข่าวลาออกจากตำแหน่งตอนหนึ่งว่า จะขอเลือกเส้นทางเดินใหม่ และอาจจะสร้างบ้านหลังใหม่ จึงต้องติดตามดูความเปลี่ยนแปลงภายในพรรรคพลังประชารัฐ ว่า จะมีการปรับโครงสร้างกรรมการบริหารพรรคครั้งใหญ่หรือไม่ อย่างไร

เพราะคำพูดบรรลือโลก ที่ ร.อ.ธรรมนัส กล่าวไว้เมื่อวันที่ 11 ก.ค.2562 ว่า “ผมคือเส้นเลือดใหญ่ เลี้ยงหัวใจรัฐบาล ผมกุมความลับ ดีลต่อรอง หากล้มผมได้ รัฐบาลก็สั่นคลอน” แต่ผ่านมา 2 ปี วันนี้ กลับมีคำพูดใหม่ว่า “ไม่ชอบบรรยากาศบ้านเมืองที่แตกแยก และมองไม่เห็นอนาคต และทำให้ผมรู้สึกไม่สบายใจ บรรยากาศในครม.นั้น ร้ายยิ่งกว่า” … มันทำให้รู้ว่า “สูงสุดสู่สามัญ” คือสัจธรรม

แต่คนอย่าง ร.อ.ธรรมนัส คงจะมี” ของดี” อะไรบางอย่าง มิฉะนั้นคงไม่เดินมาไกลมากมาจนถึงวันนี้ “คนเลี้ยงลิง” ที่เจ้าตัวเคยกล่าวว่า

ตำแหน่งเลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ ที่ก่อนหน้านี้มีชื่อของ นายสันติ พร้อมพัฒน์ รมช.คลัง เป็นแคนคิเดตมาโดยตลอด ณ วันนี้น่าจะแบเบอร์ แต่ตำแหน่งของ ร.อ.ธรรมนัส นี่ล่ะที่ยังเป็นปัญหา จะยังคงอยู่ในพปชร.หรือไม่ หรือจะกลายเป็นคำถามที่แม้แต่นายกฯ ยังต้องเดินหนี ว่าเป็นการ “ผลักมิตรไปเป็นศัตรู” หรือไม่ อันนี้ต้องติดตามกันแบบห้ามกระพริบตาเลยทีเดียว!!