นายเลิศศักด์ รักธรรม ผู้อำนวยการส่วนบังคับคดี หัวหน้าชุดปฏิบัติการพิเศษ สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค หรือ (สคบ.) เปิดเผยถึงกรณีศาลปกครองสูงสุดพิพากษา สั่งเพิกถอนใบอนุญาตก่อสร้าง โครงการคอนโดมิเนียม แอชตัน อโศก ซึ่งพัฒนาโดยบริษัทย่อยของบริษัท อนันดา ดีเวลลอปเม้นท์ จํากัด (มหาชน) เนื่องจากโครงการก่อสร้างและดัดแปลงอาคารที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ผิดข้อกฎหมาย พ.ร.บ.ควบคุมอาคาร ทำให้ผู้ซื้อคอนโดฯ แอชตัน อโศก กว่า 700 ราย ได้รับผลกระทบอย่างมาก ว่า กรณีแอชตันฯ นี้ถือว่าเจ้าของโครงการผิดสัญญาต่อผู้บริโภค เพราะผู้บริโภคไม่ได้รู้ถึงกระบวนการซื้อขาย แต่เป็นผู้บริสุทธิ์ตามกระบวนการซื้อขายตามสัญญา โดยผู้ที่ได้รับความเสียหาย สามารถเข้าร้องทุกข์ต่อ สคบ. ได้ เพราะถือว่าเป็นอำนาจหน้าที่จะฟ้องเรียกเงินคืนให้กับผู้บริโภคกรณีผิดสัญญา โดยกรณีนี้ฯ ถือว่ามีความผิดตามนิติกรรมสัญญา พ.ร.บ.แพ่งและพาณิชย์ และ พ.ร.บ.คุ้มครองผู้บริโภค มาตรา 39 สำหรับการฟ้องเรียกเงินคืนนั้น ปกติจะเรียกคืนทั้งหมดก่อน จึงจะไปพิสูจน์ว่า เข้าพักอาศัย กี่วัน กี่เดือน กี่ปี ซึ่งขึ้นอยู่กับดุลพินิจศาล
นายอธิป พีชานนท์ นายกกิตติมศักดิ์สมาคมธุรกิจบ้านจัดสรร กล่าวว่า หลังจากนี้ลูกบ้านต้องรอว่าอนันดาฯ จะหาทางออกได้หรือไม่ หากหาทางออกไม่ได้ลูกบ้านสามารถฟ้องร้องบริษัทในขั้นตอนต่อไป โดยรูปแบบของการฟ้องร้องมีได้หลายกรณี เช่น ให้บริษัทรับซื้อคืน และหากยังต้องการอยู่อาศัยต่อกรณีที่อนันดาฯ สามารถหาทางเข้าออกได้ แต่ไม่สะดวกและเล็กลง ซึ่งทำให้ราคาห้องชุดลดลงตามไปด้วยนั้น ลูกบ้านสามารถฟ้องเรียกร้องค่าเสียหายมูลค่ายูนิตชดเชย เช่น ซื้อมา 10 ล้านบาท แต่ราคาตกเหลือ 5 ล้านบาท ก็สามารถเรียกร้องได้ แต่การฟ้องร้องฯ ต้องผ่านกระบวนการดำเนินคดีหลายขั้นตอน ต้องใช้เวลา ขณะเดียวกัน ถ้าอนันดาฯ มั่นใจว่ากระบวนการก่อสร้างทุกอย่างถูกต้องตามกฎหมาย ก็สามารถไปฟ้องร้องผู้อนุญาตก่อสร้างได้
นายพรนริศ ชวนไชยสิทธิ์ นายกสมาคมอสังหาริมทรัพย์ไทย กล่าวว่า คาดว่าจะยิ่งส่งผลต่อการตัดสินใจซื้ออสังหาฯ ของผู้บริโภคหลังจากนี้มากขึ้น และอาจทำให้ผู้ประกอบการเองไม่กล้าเริ่มปักเสาเข็มสร้างโครงการใหม่ๆ พร้อมทั้งต้องรอตรวจสอบให้แน่ชัด เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาตามมาในระยะยาว เรื่องนี้ถือเป็นกรณีตัวอย่าง และอาจทำให้ภาพรวมตลาดอสังหาฯ ปีนี้ติดลบ หลังจากครึ่งปีแรกมานี้ไม่เติบโต จากสถาบันการเงินที่เข้มงวด ในเรื่องการปล่อยกู้.