เมื่อวันที่ 1 ส.ค. นายวราวุธ ศิลปอาชา หัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา (ชทพ.) กล่าวถึงความคืบหน้าภายหลังการพูดคุยกับพรรคเพื่อไทย (พท.) ฐานะแกนนำจัดตั้งรัฐบาลว่า ตนยังรอฟังข่าวและความชัดเจนจากพรรค พท. อีกครั้ง ตนเห็นใจพรรค พท. ในภารกิจสำคัญที่ต้องรับฟังเสียงทุกฝ่ายและหาเสียงเพิ่มเติม เพื่อให้การโหวตนายกฯ วันที่ 4 ส.ค. นี้ ผ่านไปได้ด้วยดี พรรค ชทพ. ขอย้ำจุดยืนด้วยว่า หากพรรค พท. เสนอแคนดิเดตนายกฯ ยินดีสนับสนุน หากเป็นไปตามเงื่อนไขที่ได้พูดคุยเมื่อ 23 ก.ค. ที่ผ่านมา พรรค ชทพ. ไม่เกี่ยงที่จะได้ทำงานเป็นฝ่ายรัฐบาลหรือฝ่ายค้าน แต่การทำงานต้องมีทัศนคติและนโยบายที่ตรงกัน
เมื่อถามถึงสูตรตั้งรัฐบาล 8+2 ที่มีชื่อพรรค ชทพ. เข้าร่วม ล่าสุดถูกทาบทามแล้วหรือไม่ นายวราวุธ กล่าวว่า ไม่ว่าจะสูตรใด ตนขอย้ำจุดยืนของพรรคที่ไม่เปลี่ยนแปลง โดยเฉพาะแนวทางการทำงานและนโยบาย ทัศนคติ อุดมการณ์ต้องทิศทางเดียวกัน และพรรค ชทพ. ยืนยันในจุดยืนเรื่องไม่แตะต้องการแก้ไขมาตรา 112 เทิดทูลสถาบันพระมหากษัตริย์ไม่เปลี่ยนแปลง
“ส่วนสูตรที่ระบุว่า พรรคก้าวไกลจะเป็นฝ่ายค้านนั้น ผมมองว่าการเมืองอาจจะเปลี่ยนแนวความคิดได้ แต่พรรคการเมืองไม่รู้จะเปลี่ยนแปลงแนวคิด แนวทางหรือไม่ หากเปลี่ยนแนวคิด ก็ทำงานกันได้ แต่หากยึดแนวทางเดิมก็ยาก อย่างไรก็ดี สูตรตั้งรัฐบาลในความเห็นของพรรคชาติไทยพัฒนา คือ ไม่สนับสนุนรัฐบาลเสียงข้างน้อย ส่วนที่ใครจะเอาใคร ไม่เอาใคร นั้นต้องคำนึงถึงเสถียรภาพของรัฐบาลด้วย เพราะการลงคะแนนเลือกนายกฯ นั้น ต้องใช้เสียง 750 เสียง ไม่ใช่ 500 เสียง ดังนั้นต้องคำนวณว่าหากไม่มีลุงหรือไม่มีเรา การลงคะแนนโหวตนายกฯ เป็นอย่างไร” นายวราวุธ กล่าว
เมื่อถามว่า มองอย่างไรกรณีที่มีคลิปของนายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกฯ จากพรรค พท. ระบุแนวคิดแก้มาตรา 112 นายวราวุธ กล่าวว่า ต้องรอฟังความชัดเจนจากพรรคเพื่อไทยในวันโหวตนายกฯ ว่า จะเสนอชื่อบุคคลใดเป็นนายกฯ และมีแนวทางร่วมรัฐบาล กับจับมืออย่างไร ซึ่งขอให้พรรค พท. ชัดเจนก่อน จนถึงขณะนี้พรรคยังไม่ได้รับสัญญาณว่าจะโหวตอย่างไร เพราะแคนดิเดตนายกฯ ของพรรค พท. มี 3 คน ดังนั้นคนที่จะเสนอชื่อต่อรัฐสภา ต้องชี้แจงกับสังคม แต่เมื่อยังไม่ถึงจุดยืนตนไม่ตีตนก่อนไข้
เมื่อถามว่า มั่นใจว่า 4 ส.ค. จะได้นายกฯ คนใหม่หรือไม่ นายวราวุธ กล่าวว่า ตนยังเชื่อมั่นเช่นนั้น แต่ขณะนี้ยังมีเวลาอีก 2-3 วัน ต้องรอดูสถานการณ์ต่อไป แต่หากจะไม่ได้นายกฯ ในวันที่ 4 ส.ค. ต้องพิจารณาว่าจะแก้ไขเยียวยาอย่างไร เพราะหากพูดไปตอนนี้ ประชาชนอาจจะตกใจ และอาจจะกระทบต่อภาคเอกชน หรือนักลงทุนได้
เมื่อถามถึงกรณีที่นายประภัตร โพธสุธน เลขาธิการพรรค ชทพ. เดินทางไปพบนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ที่ฮ่องกง เมื่อปลายเดือน ก.ค. ที่ผ่านมา นายวราวุธ กล่าวย้ำว่า นายประภัตรมีความสนิท และคุ้นเคยกับนายทักษิณ เกือบ 40 ปี และติดต่อประจำ ดังนั้นการเดินทางไปอวยพรวันเกิด จึงเป็นเป็นไปตามครรลองเพื่อนสนิท หากมีประเด็นการเมือง คงคุยกันจบตั้งแต่สัปดาห์ที่ผ่านมาแล้วที่พรรค พท. ขณะที่ตั้งข้อสังเกตว่าเดินทางไปช่วงฟอร์มรัฐบาลนั้น ตนมองว่าเป็นเรื่องสุดวิสัย เพราะวันเกิดของนายทักษิณ ตรงกับช่วงเวลาดังกล่าว แต่หากจะโทษ ต้องโทษคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ที่รับรอง สส. เร็วไป.