วันที่ 1 ส.ค. พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) กล่าวว่า ตนและ สส.พรรคพลัง ประชารัฐ ยังคงมุ่งมั่นแก้ไขปัญหาปากท้องของพี่น้องประชาชน ตามคำมั่นที่ให้กับประชาชน “จะก้าวข้ามความขัดแย้ง ทำให้พี่น้องคนไทยอยู่ดีกินดี” เพราะทุกปัญหาของประชาชนเขารอไม่ได้ ในช่วง 4 ปีที่ผ่านมา ได้ผลักดันและขับเคลื่อนนโยบายต่างๆ ออกมาอย่างต่อเนื่อง เพื่อต้องการยกระดับคุณภาพชีวิตของคนไทยให้มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น มุ่งมั่นแก้ปัญหาเรื่องปากท้องประชาชน ให้คนไทยกินดีอยู่ดี ตามแนวทางและนโยบายของพรรคพลังประชารัฐ ซึ่งอาชีพของประชากรไทยส่วนใหญ่ คือ เกษตรกร การพัฒนาแหล่งน้ำ จึงเป็นต้นทุนการประกอบอาชีพที่สำคัญ ที่ได้วางรากฐานการจัดหาน้ำให้เพียงพอตลอดทั้งปี และยังสามารถรับมือกับภัยแล้ง และอุทกภัยที่อาจจะเกิดขึ้น เช่นในขณะนี้ ที่ภาวะอากาศในประเทศไทยร้อน ฝนไม่ตกตามฤดูกาล นับเป็นเป้าหมายสำคัญของการพัฒนาแหล่งน้ำที่ยั่งยืน เพื่อลดผลกระทบ ไม่ให้ประชาชนเกิดความเดือดร้อนในการประกอบอาชีพ และสามารถสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น มีน้ำใช้ในการอุปโภค-บริโภค และภาคการเกษตร
พล.อ.ประวิตร กล่าวต่อว่า รัฐบาลได้สนับสนุนงบกลาง มาใช้ในโครงการบรรเทาผลกระทบภัยแล้ง และป้องกันน้ำท่วม โดยบูรณาการทุกหน่วยงาน ภายใต้การบริหารคณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (กนช.) ที่ได้ผลักดันในการพัฒนาแหล่งน้ำขนาดเล็ก ระบบกระจายน้ำเพื่อสนับสนุนน้ำอุปโภค-บริโภค รวมถึงการเกษตรครอบคลุมทั่วทั้งประเทศ รวมทั้งสิ้น 26,830 แห่ง เช่น การขุดเจาะบ่อบาดาล แหล่งน้ำสำรองเพื่อผลิตน้ำประปา ก่อสร้างฝายและสระเก็บน้ำเพื่อการเกษตร ขุดลอกคลอง และกำจัดวัชพืช ถือว่ามีความจำเป็นเร่งด่วน และสามารถแก้ไขปัญหาให้ประชาชนได้อย่างมีประสิทธิภาพด้วย
พล.อ.ประวิตร กล่าวต่อว่า ทั้งนี้ยังมีแผนการพัฒนาโครงการอ่างเก็บน้ำในหลายแห่งที่ยังประสบปัญหาการขาดแคลนน้ำ อาทิ โครงการอ่างเก็บน้ำแม่ตาช้าง ต.ป่าแดด จ.เชียงราย เพื่อใช้เป็นแหล่งน้ำในการอุปโภคบริโภค และประกอบอาชีพทางการเกษตร หลังจากที่ประชาชนรอคอยมายาวนานถึง 30 ปี เราได้บูรณาการกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง สานฝันให้ประชาชนจนเป็นผลสำเร็จ ซึ่งในปี 2569 ประชาชนในพื้นที่ ต.ป่าแดด จ.เชียงราย และในพื้นที่ใกล้เคียง จะมีแหล่งน้ำไว้ใช้อุปโภค บริโภค และภาคการเกษตร เพื่อสร้างคุณภาพชีวิตที่ดี มั่นคง และยั่งยืน ให้กับคนลุ่มน้ำลาวตอนกลาง และตอนล่าง
“การทำงานของผม ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ไม่เคยมีวันใดที่หยุดพัก ดีใจที่ได้ช่วยบรรเทาความเดือดร้อนให้ประชาชน ผมอาจจะเป็นคนพูดไม่เก่ง ไม่เคยออกมาบรรยายสรรพคุณ คุณงามความดีต่อสาธารณชน เพราะผมเชื่อว่า การทำงานจะต้องวัดจากผลงานที่เป็นประจักษ์ มิใช่การวัดเอาจากคำพูด โดยการเอาประโยชน์ของประชาชนเป็นที่ตั้ง เพราะโครงการต่างๆ จะส่งผลให้สามารถเก็บกักน้ำในช่วงฤดูฝน ใช้ประโยชน์ในช่วงหน้าแล้งได้รวม 742 ล้าน ลบ.ม. และยังสามารถนำน้ำบาดาลมาใช้ได้ถึง 91 ล้าน ลบ.ม. โดยมีน้ำดิบผลิตประปาได้อีก 62 ล้าน ลบ.ม. ซึ่งเกิดประโยชน์โดยตรงกับประชาชนถึง 3.65 ล้านครัวเรือน ครอบคลุมพื้นที่กว่า 7.5 ล้านไร่” พล.อ.ประวิตร กล่าว