สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงวอชิงตัน ประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 2 ส.ค. ว่า ฟิทช์ เรทติ้งส์ หนึ่งในบริษัทจัดอันดับความน่าเชื่อถือรายใหญ่ของสหรัฐ ประกาศลดอันดับความน่าเชื่อถือของตราสารหนี้ระยะยาวสกุลเงินต่างประเทศของรัฐบาลวอชิงตัน ลง 1 ขั้น จาก “เอเอเอ” ลงมาอยู่ที่ “เอเอ+” โดยระบุเหตุผลว่า เป็นผลจากภาระหนี้สินของรัฐมีแนวโน้มสูงขึ้น และระบบธรรมาภิบาล “ที่อ่อนแอลง” ส่งผลให้สหรัฐเผชิญกับภาระหนี้สินชนเพดาน จนต้องมีการขยายเพดานหนี้ซ้ำแล้วซ้ำเล่า ตลอดช่วงเวลา 1 ทศวรรษที่ผ่านมา
ขณะเดียวกัน รายงานของฟิทช์ระบุด้วยว่า งบประมาณของสหรัฐมีแนวโน้มขาดดุลเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งฟิทช์คาดการณ์ว่า อาจมีแนวโน้มถึง 6.3% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (จีดีพี) ปีนี้ เพิ่มขึ้นจาก 3.7% เมื่อปี 2565
BREAKING: The US had its credit rating cut one step to AA+ from the top ranking of AAA by Fitch Ratings, echoing a move made more than a decade ago by S&P in 2011 https://t.co/BdV1syRZU1
— Bloomberg (@business) August 1, 2023
ด้านนางเจเน็ต เยลเลน รมว.การคลังสหรัฐ กล่าวว่า เธอไม่เห็นด้วยกับรายงานของฟิทช์ ซึ่งวิเคราะห์โดยอ้างอิงจาก “ข้อมูลที่ล้าสมัย”
ทั้งนี้ นับเป็นครั้งแรกในรอบ 12 ปี ที่บริษัทจัดอันดับความน่าเชื่อถือระดับโลกปรับลดเครดิตของสหรัฐ ย้อนกลับไปเมื่อปี 2554 สแตนดาร์ด แอนด์ พัวร์ (เอสแอนด์พี) ปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือของสหรัฐจาก “เอเอเอ” ลงมาอยู่ที่ “เอเอ+” แม้รัฐบาลวอชิงตันสามารถชำระหนี้ได้ทันเวลา แต่เอสแอนด์พีมองว่า “เฉียดฉิว”.
เครดิตภาพ : GETTY IMAGES