แถม “ทิม” พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ตกสวรรค์จากเก้าอี้นายกรัฐมนตรี คนที่ 30 และพรรคก้าวไกล ที่ได้เสียงมาเป็นอันดับ 1 ด้วยเสียงเลือกตั้ง 151 เสียง ต้องถูกอัปเปหิให้ไปเป็นฝ่ายค้าน ทำ ด้อมส้ม” อกหักซ้ำซาก

หลังจบ ดีลลับที่ฮ่องกง เมื่อช่วงวันที่ 24 ก.ค. ที่ผ่านมา เมื่อ 2 ผู้นำจิตวิญญาณของทั้ง 2 พรรคอย่าง “พี่โทนี่” นายทักษิณ ชินวัตร และ “เสี่ยเอก” ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ คุยกันเรียบร้อย โดยพรรคก้าวไกลพร้อมไปเป็นฝ่ายค้าน แต่มีเงื่อนไขว่าพรรคร่วมรัฐบาลต้องไม่มีพรรคของ “2 ลุง” คือพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) และพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.)

ซึ่งก็ต้องลุ้นเส้นทางโหวตนายกรัฐมนตรีของ “เสี่ยนิด” เศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี พรรคเพื่อไทย จะได้เป็นนายกรัฐมนตรี คนที่ 30 หรือไม่??

เพราะส่ออาการและบรรยากาศสิ่งแวดล้อมก็ดูไม่ได้ราบรื่น เอาแค่ 3 ปมร้อน เฉพาะหน้า 1.สว. กลุ่มหนึ่ง ที่ยังแคลงใจ มีคลิปเคยพูดไว้ว่า จะแก้ไข มาตรา 112 ในระหว่างที่มีการหาเสียงเลือกตั้ง แต่พอมาวันนี้ เมื่อรับไม้ต่อเป็นแกนนำตั้งรัฐบาลต่อจากพรรคก้าวไกล ก็กลับลำยืนยันว่า ไม่แก้ไข มาตรา 112 มุ่งเดินหน้าเดินหน้าเรื่องเศรษฐกิจปัญหาปากท้องประชาชนต้องมาก่อน ตรงนี้ทำให้ สว. เกิดความระแวง ไม่ไว้วางใจ เหมือนที่เกิดขึ้นกับพรรคก้าวไกล อีกทั้ง “2 ลุง” ก็ยังมีอำนาจสั่ง สว. ได้อยู่เต็มร้อยด้วย

2. ปมร้อนหลีกเลี่ยงภาษีในการซื้อขายที่ดิน ของแสนสิริ ในขณะดำรงตําแหน่งเป็นผู้บริหารสูงสุด และกรรมการของ บริษัท แสนสิริ จํากัด (มหาชน) เป็นเหตุให้รัฐ ต้องสูญเสียรายได้เป็นเงินหลายร้อยล้านบาทนั้น การหลีกเหลี่ยงภาษีที่ดิน จำนวน 500 ล้านบาท เข้าข่าย ขาดคุณสมบัติ มาตรา 160 ที่นายกรัฐมนตรีจะต้องมีความซื่อสัตย์ สุจริต เป็นที่ประจักษ์ ตรงนี้เป็นชนักปักหลัง ในเรื่องความโปร่งใส จนกระทั่ง “บ.แสนสิริ” ต้องร่อนเอกสารเป็นแถลงการณ์ ปัดเลี่ยงภาษีซื้อขายที่ดิน ยันทำถูกต้องตามกฎหมาย โปร่งใส ตรวจสอบได้ และดำเนินการตามหลักธรรมาภิบาล

3. ท่าทีของพรรคก้าวไกล ที่ถูกเฉดหัวออกไป แล้วจะยังสนับสนุนให้คนของพรรคเพื่อไทย ได้เป็นนายกรัฐมนตรี หรือไม่ เพราะทั้ง 2 พรรค มีท่าที “หักเหลี่ยม แทงกันเลือกสาด” จากหลายๆ เหตุการณ์ ที่ผ่านมา โดยเฉพาะศึกเลือกประธานสภาผู้แทนราษฎร ที่สุดท้ายพรรคก้าวไกล ก็โดนหักหลัง ไม่ได้ประธานสภาผู้แทนราษฎร ตามที่ตกลงกันไว้ และบรรดา สส. ตัวตึงหลายคนประกาศที่จะเป็น “ฝ่ายค้าน” ตรวจสอบการทำงานของรัฐบาลอย่างเข้มข้น

เส้นทางการเป็นนายกรัฐมนตรี ของ “เสี่ยนิด” ยังไม่รับประกันความปลอดภัย ไม่รู้จะตกม้าตาย ซ้ำรอย “พิธา” หรือไม่ เพราะสามารถโหวตนายกรัฐมนตรี ได้เพียงรอบเดียว ตามเงื่อนไขข้อบังคับการประชุม รัฐสภา ข้อที่ 41 หากแกนนำพรรคเพื่อไทย ล็อบบี้ พลาดได้เสียงไม่ถึงเป้าหรือ 375 เสียงขึ้นไป ก็ส่ออาการ “ตกสวรรค์” ทันที

ส่วนท่าทีของพรรค “2 ลุง” แม้แนวโน้มจะถูกกระแสกดดัน ต่อต้านการเข้าร่วมเป็นรัฐบาลในครั้งนี้ เพราะ พรรคเพื่อไทย ก็มีท่าทีตั้งแง่ “2 ลุง” ร่วมรัฐบาล ในขณะที่เสียงโหวตนายกฯ ของ “เสี่ยนิด” ยังมีความเสี่ยง ถ้าไม่มี “2 ลุง” ร่วมขบวน แนวโน้มอาจได้เห็น “งูเห่า” จากพรรค “พปชร.-รทสช.” มาโหวตช่วย “เสี่ยนิด” เพื่อทอดไมตรี เชื่อมสัมพันธ์ มองไปถึงการร่วมรัฐบาลในอนาคต.