เมื่อวันที่ 3 ส.ค. นายสมชาย แสวงการ สว. ในฐานะกรรมการประสานงาน ฝั่งวุฒิสภา กล่าวเรียกร้องไปยังนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานรัฐสภา ให้เลื่อนการประชุมรัฐสภา วันที่ 4 ส.ค. ออกไปทั้งหมด เพราะมองว่าแม้จะเลื่อนโหวตนายกรัฐฒนตรี เพราะรอคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ ประเด็นคำร้องผู้ตรวจการแผ่นดิน ที่ศาลนัดพิจารณา วันที่ 16 ส.ค. ก็ไม่ควรพิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ มาตรา 272 ที่พรรคก้าวไกลเสนอด้วยเช่นกัน เนื่องจากตนพิจารณาแล้วเห็นว่าร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ มาตรา 272 นั้นไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญ และมีปัญหาข้อกฎหมาย ที่สำคัญ สว. อาจไม่ร่วมพิจารณาด้วย เพราะอาจถูกร้องเรื่องจริยธรรมได้
“ผมได้ศึกษาข้อมูลแล้วพบว่ามาตรา 272 นั้นเกิดมาจากคำถามประชามติ ซึ่งเทียบเท่ากับเป็นมาตราที่ผ่านการเห็นชอบจากการทำประชามติ ดังนั้นหากจะแก้ไขควรต้องนำไปทำประชามติก่อน ซึ่งอาจต้องใช้งบประมาณหลายพันล้านบาท และไม่จำเป็นต้องพิจารณา เนื่องจากอีก 9-10 เดือน มาตราดังกล่าวจะไม่สามารถใช้บังคับได้ต่อไป และจะหมดเวลาแล้ว หากมุ่งหวังว่าจะให้ตก โดยยืมมือ สว. ผมไม่ทราบได้ ทำไปไม่มีประโยชน์ และไม่มีความจำเป็น” นายสมชาย กล่าว
เมื่อถามว่า หากวาระแก้รัฐธรรมนูญมาตรา 272 จะเข้าสู่การพิจารณาต้องขอมติที่ประชุมหรือไม่ นายสมชาย กล่าวว่า ตรงนี้อาจจะเป็นประเด็นได้ หากรัฐสภาขอมติให้เลื่อนจะทำให้ญัตติเลือกนายกฯ ตกไป และตนไม่อาจเข้าร่วมได้ เพราะจะผิดกฎหมายได้ ทั้งนี้มีข้อตกลงอย่างไม่เป็นทางการ ระหว่างแกนนำพรรคที่จะเป็นรัฐบาลกับวิปวุฒิสภา ว่า จะพิจารณาหลังจากโหวตนายกรัฐมนตรี หากเลื่อนวาระจะถือว่าไม่เคารพข้อตกลง และนายวันมูหะมัดนอร์ รับทราบเรื่องดังกล่าวดี
เมื่อถามว่าหากต้องใช้มติรัฐสภามองว่าพรรคเพื่อไทยจะร่วมเล่นเกมกับพรรคก้าวไกลหรือไม่ เพราะต้องอาศัยเสียง สว. โหวตนายกรัฐมนตรี นายสมชาย กล่าวว่า แล้วแต่พรรคเพื่อไทย แต่พรรคเพื่อไทยต้องชั่งใจให้ดีว่าพรรคเพื่อไทยจะเล่นเกมนี้หรือไม่ แต่ผมมองว่าไม่จำเป็น เพราะหากรับวาระแรกผ่าน ผมจะเป็นผู้ไปยื่นศาลรัฐธรรมนูญ เพราะมองว่ามาตรา 272 เกิดได้โดยประชามติ ดังนั้นต้องกลับไปถามประชามติ หากนำเข้ามาแล้วจะทำให้ทุกอย่างหยุดทั้งหมด อย่าเล่นเกมนี้ สว. ไม่อยากใช้อำนาจนี้ แต่เมื่อมีประชามติต้องทำตามนี้
นายสมชาย กล่าวด้วยว่า สำหรับการนัดประชุมรัฐสภาครั้งต่อไป เพื่อโหวตนายกฯ นั้น ตนขอเรียกร้องด้วยว่า ควรนัดหลังจากที่ทราบคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญแล้ว ในวันที่ 16 ส.ค. และไม่ควรรีบนัดในวันที่ 17 ส.ค. เพราะหากเกิดเหตุการณ์เหมือนอย่างการเลื่อนโหวตวันที่ 4 ส.ค. อีก จะดูไม่งาม และมีความสุ่มเสี่ยง ตนมองว่าหากนัดหลังวันที่ 20 ส.ค. ไม่เป็นไร เพราะการโหวตนายกฯ ไม่เป็นอุปสรรคที่ สว. จะไม่เข้าร่วม แต่ไม่ควรทำแล้วเจอปัญหา ดังนั้นควรเลื่อนให้มีระยะเวลาเพียงพอต่อการรอฟังคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ และหากรัฐสภาโหวตนายกรัฐมนตรี ก่อนที่ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย และตนจะไม่ร่วมโหวต เพราะอาจถูกยื่นเรื่องเรียนได้ เพราะหากศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยคืนสิทธิให้นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล.