เมื่อเวลา 14.45 น. วันที่ 3 ส.ค. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และรมว.สาธารณสุข ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย กล่าวถึงทิศทางการโหวตนายกรัฐมนตรี ภายหลังที่ศาลรัฐธรรมนูญเลื่อนการพิจารณาสั่งคำร้องของผู้ตรวจการแผ่นดินที่ขอให้พิจารณากรณีรัฐสภามีมติไม่เห็นชอบกับการเสนอชื่อ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรคก้าวไกล เป็นนายกรัฐมนตรีรอบ 2 ขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญหรือไม่ รวมไปถึงทางทางประธานรัฐสภามีคำสั่งให้เลื่อนวาระการโหวตเลือกนายกฯ รอบที่ 3 ในวันที่ 4 ก.ค. ออกไปก่อน ว่า สำหรับการเลื่อนโหวตนายกรัฐมนตรีออกไปนั้น ทุกอย่างก็คงขึ้นอยู่กับทางประธานรัฐสภา ในการดูความเหมาะสมและความชัดเจนในส่วนของกรอบกฎหมาย เพื่อที่จะไม่มีปัญหาในอนาคต ยอมรับว่าก่อนที่จะมีประกาศของศาลออกมานั้น ทางพรรคเพื่อไทย และพรรคภูมิใจไทย ได้มีการนัดพูดคุยและหารือกัน แต่เมื่อผลออกมาเป็นแบบนี้ทางพรรคเพื่อไทยเองก็ได้แจ้งมาว่า อาจจะขอเลื่อนการหารือในวันเดียวกันนี้ออกไปก่อน จากเดิมที่มีกำหนดการพูดคุยกันในช่วงเวลา 13.00 น. ของวันเดียวกันนี้

เมื่อถามถึงกรณีที่นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ อดีตนักการเมือง ออกมาโจมตีนายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทย เกี่ยวกับเรื่องในอดีต ในส่วนนี้พรรคภูมิใจไทยเองมีการตั้งคำถามหรือมีการสอบถามไปยังทางนายเศรษฐาหรือไม่ รวมไปถึงเรื่องเกี่ยวกับคำพูดในอดีตที่มีการหาเสียงเรื่องมาตรา 112 นายอนุทิน กล่าวว่า พรรคภูมิใจไทยได้มีการแจ้งและบอกรายละเอียดกับทางพรรคแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาลไปแล้ว ว่าส่วนตัวในของพรรคภูมิใจไทยมีแนวทางอย่างไร ส่วนเรื่องคุณสมบัติแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของแต่ละพรรคนั้น ตนมองเป็นเรื่องส่วนตัว ซึ่งทางพรรคอื่นไม่สามารถเข้าไปยุ่งเกี่ยวหรือยุ่งในมุมของพรรคเขา หากทางพรรคแกนนำ รับข้อเสนอในส่วนของกรอบของพรรคตนได้ก็ถือว่าจบ แต่ในส่วนของประวัติหรืออดีตของคนที่พรรคอื่นจะเสนอชื่อนั้น ตนเองไม่ขอก้าวก่าย เป็นเรื่องของพรรคใครพรรคมัน  

เมื่อถามอีกว่าหากทางพรรคภูมิใจไทย (ภท.) ต้องร่วมรัฐบาลกับพรรคเพื่อไทย (พท.) โดยไร้เงาพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) และพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ในส่วนนี้ทางพรรคภูมิใจไทยพร้อมไปเดี่ยวหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า เดิมการจัดตั้งรัฐบาลกรอบของพรรคภูมิใจไทยก็อยู่ในแถลงการณ์ ยืนยันไร้สัญญาใจว่าหากพรรคภูมิใจไทยไป จะต้องมี 2 พรรคขั้วเดิมพ่วงไปด้วย ส่วนหลายคนมองว่าถ้าไม่มี 2 พรรคที่กล่าวถึง อาจจะไม่สามารถฝ่าด่าน สว. ได้ นายอนุทิน กล่าวว่า เป็นหน้าที่ของพรรคแกนนำที่จะต้องไปพูดคุยและเจรจา แต่ก็เชื่อว่าคงไม่มีปัญหา.