เมื่อวันที่ 4 ส.ค. นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวตอนหนึ่งในการบรรยายพิเศษ “รพ.ทันตกรรม…ทางออกของการเข้าถึงบริการสุขภาพช่องปากคนไทย” ภายในการประชุมพัฒนาศักยภาพทันตแพทย์ สำนักงานสาธารณสุขจังหวัด (สสจ.) ซึ่งมีผู้เข้าร่วมกว่า 100 คน จาก 12 เขตสุขภาพ เมื่อวันที่ 3 ส.ค. ที่ผ่านมา ว่า ชมรมทันตแพทย์สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดแห่งประเทศไทย เคยหารือถึงงานบริการทันตกรรม ที่ให้บริการประชาชนเพิ่มขึ้นต่อเนื่องประมาณ 10 ล้านครั้งต่อปี แต่บุคลากรยังไม่เพียงพอ เพราะการผลิตทันตแพทย์ถือว่าน้อยมาก แต่ละปีจะอยู่ที่ประมาณ 6,000 กว่าคน จาก 5 ปีก่อนอยู่ 5,000 กว่าคน ในแต่ละปีจะมีทันตแพทย์เพิ่มขึ้นแค่ราว 200 คน อย่างจบทันตแพทยศาสตร์บัณฑิตปีละ 800 คน อยู่ในกระทรวงสาธารณสุขเพียง 1 ใน 4 เท่านั้น ดังนั้นจำเป็นต้องเพิ่มจำนวนทันตแพทย์ ผู้ช่วยทันตแพทย์ ทันตาภิบาล แต่หากขยายคนเพิ่ม ก็อาจจะมีการขยายบริการเพิ่มขึ้น เช่นปี 2566 จะเพิ่มการบริการเป็น 12 ล้านครั้งต่อปี ซึ่งก็เห็นพ้องกันว่าสามารถทำได้
“เป็นที่ทราบกันดีว่า การดูแลสุขภาพช่องปากนั้น ควรพบหมอฟันอย่างน้อยปีละ 2 ครั้ง ซึ่งคนไทยมีประมาณ 70 ล้านคน การพบหมอฟันก็จะอยู่ที่ 140 ล้านครั้ง ซึ่งดังนั้น การบริการทันตกรรมที่ผ่านมา อย่าง 10 ล้านครั้งต่อปี ก็เท่ากับ 8% ซึ่งหากกระทรวงสาธารณสุข มีนโยบายในการดูแลประชาชนทุกมิติ งานทันตกรรมก็เป็นหนึ่งในนั้น จึงจำเป็นต้องเดินหน้าให้ประชาชนเข้าถึงบริการสุขภาพช่องปากมากยิ่งขึ้น” นพ.โอภาส กล่าว
นพ.โอภาส กล่าวว่า ดังนั้นจึงเกิดโครงการ รพ.ทันตกรรมขึ้น จากเดิมที่เรามีหน่วยทันตกรรมในทุก รพ.อยู่แล้ว เบื้องต้นในปี 2566 มี รพ.ที่พร้อมและดำเนินการแล้ว 39 แห่ง และในปี 2567 กระทรวงตั้งเป้าให้มี รพ.ทันตกรรมทุกจังหวัดเป็นอย่างน้อย จากนั้นเมื่อทุกอย่างลงตัวค่อยๆ ขยายไปยังอำเภอ และภายใน 10 ปี ก็จะครอบคลุมมากขึ้น ทั้งนี้สำหรับงบประมาณในการก่อสร้าง รพ.ทันตกรรมนั้น ปัจจุบันงบฯ รพ.มาจากสำนักงบประมาณ มาจากบัตรทอง เงินบำรุง และอื่นๆ เช่น การบริจาค และกิจกรรมต่างๆ โดยงบบัตรทองต้องมีการหารือกับสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) ว่า จะมีการเพิ่มเติมอย่างไร ที่ไม่ใช่งบเหมาจ่ายรายหัว เพราะไม่เช่นนั้นจะกลายเป็นงบเท่าเดิม แต่การบริการเพิ่มขึ้น รวมทั้งประกันสังคมด้วย ส่วนข้าราชการก็จะเป็นการเบิกจ่ายตามจริงอยู่แล้ว อย่างไรก็ตาม รพ.ทันตกรรมจะอยู่ในนโยบาย “หนึ่งจังหวัด หนึ่งรพ.” (One Province One Hospital) โดยทาง สสจ.จะสามารถจัดสรรเงินในจังหวัดให้กับ รพ.ทันตกรรมได้ ไม่แตกต่าง รพ.ในสังกัดอื่นๆ เช่นกัน ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับ รพ.ที่เข้าร่วมนโยบาย รพ.ทันตกรรม 39 แห่ง ประกอบด้วย รพ.เชียงรายประชานุเคราะห์ รพ.นครพิงค์ รพ.พุทธชินราช รพ.สวรรค์ประชารักษ์ รพ.ตาคลี รพ.พระนารายณ์มหาราช รพ.ศูนย์บริการการแพทย์ นนทบุรี รพ.วังน้อย รพ.หนองแค รพ.ลำลูกกา รพ.นครปฐม รพ.พหลพลพยุหเสนา รพ.สมุทรสาคร รพ.ประจวบคีรีขันธ์ รพ.ดำเนินสะดวก รพ.ท่ายาง รพ.นภาลัย รพ.บางปลาม้า รพ.พระปกเกล้า รพ.สมเด็จพระยุพราชสระแก้ว รพ.มหาสารคาม รพ.ขอนแก่น รพ.อุดรธานี รพ.บึงกาฬ รพ.ชัยภูมิ รพ.มหาราชนครราชสีมา รพ.บุรีรัมย์ รพ.สุรินทร์ รพ.สรรพสิทธิประสงค์ รพ.ยโสธร รพ.มหาราชนครศรีธรรมราช รพ.วชิระภูเก็ต รพ.สงขลา รพ.หาดใหญ่ รพ.ยะลา รพ.ห้วยยอด รพ.ยะหริ่ง รพ.ธารโต และรพ.พัทลุง.