เมื่อวันที่ 4 ส.ค. ที่รัฐสภา นายชัยธวัช ตุลาธน เลขาธิการพรรคก้าวไกล นายรังสิมันต์ โรม โฆษกพรรคก้าวไกล พร้อมด้วย สส.พรรคก้าวไกล ร่วมกันแถลงข่าวภายหลังนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานรัฐสภา สั่งปิดการประชุมสภา โดยนายชัยธวัช กล่าวว่า สืบเนื่องจากการอภิปรายถกเถียงกันในสภาวันนี้ และจบด้วยการที่ประธานสภาสั่งปิดการประชุม ซึ่งก็ยังงงๆ อยู่ว่าเป็นการเลื่อนหรือยกเลิกการประชุม พรรคก้าวไกลยืนยันว่าญัตติที่ สส.พรรคก้าวไกล ได้เสนอให้มีการทบทวนมติที่รัฐสภาเคยพิจารณาว่า การเสนอชื่อนายกรัฐมนตรีเป็นไปตามญัตติทั่วไปตามข้อบังคับที่ 41 เป็นญัตติที่ถูกต้อง วันนี้ประธานสภาควรเปิดให้มีการดำเนินการลงมติว่าสมาชิกรัฐสภาเห็นชอบหรือไม่เห็นชอบกับญัตตินี้ ซึ่งเป็นกระบวนการปกติที่ควรดำเนินไป เรื่องนี้ในฐานะที่พรรคก้าวไกล เป็นฝ่ายที่สนับสนุนให้นายวันมูหะมัดนอร์ ดำรงตำแหน่งประธานสภา เราก็มีข้อกังวลว่า การปิดสภาวันนี้อาจถูกวิพากษ์วิจารณ์ได้ว่าไม่สง่างาม อาจจะถูกมองได้ว่า เมื่อเห็นว่าเสียง สว. อาจจะไม่มากพอ หรือไม่ทำให้ไม่นำไปสู่การลงมติ หวังว่าการดำเนินการประชุมหลังจากนี้จะดีขึ้น
นายชัยธวัช กล่าวต่อว่า การปิดประชุมสภาในวันนี้ ทำให้ไม่สามารถดำเนินการประชุมใน 2 วาระสำคัญ คือ วาระการพิจารณาเลือกนายกฯ ซึ่งพรรคก้าวไกลยืนยันว่าการเลือกนายกฯ ของสภาสามารถดำเนินการไปต่อได้ โดยไม่จำเป็นต้องรอมติของศาลรัฐธรรมนูญ เรายืนยันว่าเรื่องนี้เป็นอำนาจเต็มของรัฐสภา ต่อให้วันนี้สมาชิกส่วนใหญ่ของรัฐสภา อาจจะลงมติว่าให้เลื่อนวาระการเลือกนายกฯ ไปก่อน ก็ยังมีวาระที่สอง ก็คือวาระการพิจารณาร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติมที่พรรคก้าวไกลได้ยื่นเสนอไปคือการยกเลิกมาตรา 272 ซึ่งเรื่องนี้มีความสำคัญมากๆ เพราะในสถานการณ์ปัจจุบันที่การเลือกนายกฯ มีความไม่แน่นอนสูง และอาจยืดเยื้อออกไปได้ ดังนั้นการพิจารณาเพื่อปิดสวิตช์ สว. ตามร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญที่เราเสนอไป ถ้ามันผ่านวาระ 1 ก็จะทำให้สถานการณ์การเลือกนายกฯ ไม่นำไปสู่ทางตัน หวังว่าการประชุมรัฐสภาครั้งต่อไป จะสามารถดำเนินการประชุมไปได้โดยเร็วที่สุดและปกติ
ด้านนายรังสิมันต์ กล่าวว่า วันนี้ สส. ของพรรคก้าวไกลมาพร้อมทำหน้าที่ ความตั้งใจของพวกเราคือยื่นญัตติเพื่อขอทบทวนการโหวตเลือกนายกฯ มันก็ปรากฏในรายละเอียดว่า มีนักวิชาการเข้าชื่อในแถลงการณ์ 115 คน มีผู้ตรวจการแผ่นดินยื่นเรื่องไปที่ศาลรัฐธรรมนูญ และทำให้การโหวตเลือกนายกฯ เลื่อนไปแล้วหลายครั้ง กระบวนการที่เป็นปัญหาเหล่านี้ ในความเป็นจริงมีทางออก โดยใช้กลไกของสภาได้ เราไม่มีความจำเป็นต้องไปพึ่งพาศาลรัฐธรรมนูญเลย กระบวนการภายในของพวกเรา เมื่อเราตัดสินใจอย่างไรไปแล้ว เราก็สามารถแก้ไขเปลี่ยนแปลงได้ โดยใช้อำนาจของสภา สส. ของพรรคก้าวไกล ได้เสนอญัตติและมีผู้รับรองถูกต้อง ความเป็นจริงแล้ว ประธานสภาต้องให้มีการพิจารณาในเรื่องนี้ พวกเราไม่ได้มีเจตนาที่จะประวิงเวลาและใช้เวลาของสภามากเกินไป เราเตรียมอภิปรายเต็มที่ไม่กี่คน เพื่อนำไปสู่ข้อสรุปให้เร็วที่สุด และหวังว่าเมื่อสภามีมติไปแล้ว ยกตัวอย่างเช่น มติของสภาให้มีการทบทวนและเลิกในผลที่เราได้เคยมีมติต่อไป เราก็จะได้ไม่ต้องมาเจอเงื่อนไขของการเลื่อนการประชุมต่อไป ซึ่งเราไม่รู้ว่าศาลรัฐธรรมนูญจะมีคำวินิจฉัยอย่างไรในอนาคต ความไม่แน่นอนตรงนี้สภาเราสามารถจัดการได้
นายรังสิมันต์ กล่าวว่า ยืนยันว่าการเสนอของพรรคก้าวไกล ไม่ใช่ญัตติซ้ำอย่างแน่นอน ส่วนกรณีที่ประธานสภาพยายามอธิบายในห้องประชุมว่าตามข้อบังคับที่ 151 มันมีหนึ่งในข้อความที่ระบุว่า การตีความนั้นจะต้องเป็นการตีความที่เด็ดขาด หมายความว่าเมื่อตีความไปแล้ว จะมีผู้หนึ่งผู้ใดยกเรื่องเดิมมาอีกไม่ได้ มันจะต้องมีแนวการตีความในลักษณะแบบนั้น แต่ไม่ได้หมายความว่าจะปิดกั้นไม่ให้ที่ประชุมของรัฐสภามีการทบทวนวินิจฉัยอีกครั้ง เรื่องนี้ตนก็พยายามเทียบเคียงกับองค์กรอื่นที่มีอำนาจเด็ดขาดลักษณะเดียวกันว่า ถึงที่สุดเขาก็สามารถแก้ไขเปลี่ยนแปลงได้ อย่างกรณีของศาล ดังนั้นยืนยันว่าการเสนอเรื่องนี้เราสามารถเสนอได้อย่างแน่นอน และมีเพื่อนสมาชิกจากพรรคเพื่อไทย ก็ช่วยยืนยันอีกเสียงหนึ่ง ทั้งหมดนี้จึงเป็นเรื่องที่น่าแปลกใจ และน่าเสียดายที่การประชุมของสภาต้องสิ้นสุดโดยไม่มีข้อยุติอะไรเลย ทั้งที่ในความเป็นจริง ถ้าประธานสภายอมให้เราพิจารณาเรื่องนี้ไปเต็มที่ก็สัก 1 ชั่วโมง ก็คงหาข้อสรุปกันได้ และเข้าสู่วาระถัดไป ทั้งการเลือกนายกฯ มาตรา 272 ที่เป็นประตูทางออกของประเทศของเรา ซึ่งไม่ถูกนำมาพิจารณา
“วันนี้เราทราบแต่ต้นว่ามีความพยายามในการล้มการประชุม ถ้าไม่ได้นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร สส.บัญชีรายชื่อ ช่วยกระตุ้น ก็คงไม่มีการแห่เข้ามาประชุม แต่ว่าการใช้วิชามารแบบนี้ คำถามสำคัญที่พี่น้องประชาชนช่วยกันตั้งคำถามได้ก็คือ ประเทศได้อะไรกับการที่เราปิดการประชุมแบบนี้” นายรังสิมันต์ กล่าว
นายชัยธวัช ยังกล่าวอีกว่า ในการประชุมครั้งหน้า เราก็ยังยืนยันว่าจะเสนอญัตตินี้อีก เพราะว่าตอนนี้ญัตติยังไม่ได้รับการพิจารณาและยังไม่ได้ตกไป ส่วนเรื่องมาตรา 272 เราเห็นว่าเรื่องนี้มีความสำคัญ พรรคก้าวไกลมองว่าเราไม่แน่ใจว่าสถานการณ์การเลือกนายกฯ จะยืดเยื้อไปถึงไหน อย่างน้อยวันนี้ก็ยืดเยื้อไปถึงกลางเดือน อีก 2 สัปดาห์อย่างเร็วที่สุด รัฐสภาจะได้พิจารณาอีก ถ้าวันนี้ได้มีการพิจารณาร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติม ให้ยกเลิกมาตรา 272 ของพรรคก้าวไกล และถ้าผ่านวาระที่ 1 เผลอๆ สิ้นเดือนนี้ก็ผ่านวาระที่ 3 ได้ ดังนั้นยืนยันว่าเรื่องนี้ยังมีความสำคัญต่อสถานการณ์อยู่ และจะเป็นอีกมาตรการหนึ่งที่จะทำให้การเมืองไม่เดินไปสู่ทางตัน
เมื่อถามว่าพรรคก้าวไกลยังคาดหวังว่าถ้าทุกอย่างถูกแก้ไข โอกาสที่จะได้กลับมาเป็นรัฐบาลยังมีอยู่ นายชัยธวัช กล่าวว่า เรายืนยันมาโดยตลอด ไม่ว่าญัตติที่เสนอในวันนี้ หรือไม่ว่าการร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 272 ไม่ได้ทำเพื่อแคนดิเดตพรรคการเมืองใดพรรคการเมืองหนึ่ง มันมีผลต่อแคนดิเดตจากทุกพรรค รวมถึงพรรคเพื่อไทย ที่วันนี้เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลด้วย เป็นการปลดล็อกหลายๆ อย่าง ทำให้ไม่จำเป็นต้องไปพลิกขั้วรัฐบาลได้ ไม่จำเป็นต้องถูกบีบให้ไปมีส่วนร่วมในการสืบทอดอำนาจของขั้วรัฐบาลเดิม เมื่อถามว่า 2 อาทิตย์ที่ต้องรอนี้ อยากให้พรรคเพื่อไทยทบทวนหรือไม่ นายชัยธวัช กล่าวว่า เป็นการตัดสินใจของพรรคเพื่อไทย
เมื่อถามอีกว่าหากคำสั่งของศาลรัฐธรรมนูญมีการเปลี่ยนแปลงในเรื่องการเสนอชื่อนายพิธา พรรคก้าวไกลจะดำเนินการอย่างไรต่อ นายชัยธวัช กล่าวว่า เรื่องนี้ถ้ามีคำวินิจฉัยแบบนั้น ก็คงต้องมีการพูดคุยกันระหว่างพรรคการเมืองต่างๆ อีกครั้งหนึ่ง ถ้าสถานการณ์มันเปลี่ยนแปลงไป แต่ตนยืนยันว่า การที่เราเสนอญัตติในวันนี้ เพราะเราเห็นว่าเรื่องนี้ไม่ควรเป็นอำนาจของศาลรัฐธรรมนูญที่จะมาชี้ ควรจะเป็นอำนาจของรัฐสภาเองที่จะต้องมีมติ เมื่อมีมติไปแล้วก็ถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างร้ายแรงว่าเป็นมติที่ขัดต่อรัฐธรรมนูญ ตีความข้อบังคับให้มาใหญ่กว่ารัฐธรรมนูญ ซึ่งเรื่องนี้เป็นเรื่องที่ใหญ่ ถ้าไม่ใช่เรื่องใหญ่ขนาดนี้ คงไม่มีการเสนอญัตติให้ทบทวน ไม่ใช่อยู่ดีๆ อยากกลับมติไปมากันเล่นๆ เมื่อเป็นอย่างนี้ และเราเห็นว่าเรื่องนี้ไม่น่าจะอยู่ในขอบเขตของอำนาจศาลรัฐธรรมนูญด้วย ดังนั้นจะทำอย่างไร เมื่อถูกมองว่าเรามีมติขัดรัฐธรรมนูญไปแล้ว ก็พยายามเสนอทางออกโดยใช้กลไกของรัฐสภาแก้ไขปัญหานี้ด้วยตนเอง โดยไม่พึ่งศาลรัฐธรรมนูญ ตนคิดว่าอันนี้เป็นสาระสำคัญ.