จากกรณีที่ ด.ช.เอ (นามสมมุติ) อายุ 10 ขวบ เด็กซึ่งอยู่ในความดูแลของศูนย์สงเคราะห์และฝึกอาชีพเยาวชนจังหวัดศรีสะเกษ พร้อมกับเพื่อนๆ รวม 10 คน ได้ชวนกันแอบไปเล่นน้ำในลำห้วยสำราญ บริเวณด้านหลังศูนย์สงเคราะห์และฝึกอาชีพเยาวชนจังหวัดศรีสะเกษ ห่างจากศูนย์สงเคราะห์ฯ ประมาณ 200 เมตร ซึ่งไม่มีรั้วกำแพงกั้น ต่อมา ด.ช.เอ ได้จมน้ำสูญหาย กระทั่งเจ้าหน้าที่กู้ภัยฯ ร่วมกับนักประดาน้ำ ได้ช่วยกันงมหานานกว่า 2 ชั่วโมง จนพบร่างจมน้ำเสียชีวิต คณะครู-อาจารย์ เจ้าหน้าที่จากศูนย์สงเคราะห์ฯ ต่างพากันร่ำไห้ หลังจากพบร่างของน้อง และได้จุดธูป 1 ดอก บอกกล่าวดวงวิญญาณ เรียกให้น้องกลับบ้านที่ศูนย์ฯ ก่อนเจ้าหน้าที่แพทย์ จาก รพ.ศรีสะเกษ เข้าร่วมตรวจชันสูตรพลิกศพ ไม่พบบาดแผลใดใด สาเหตุการเสียชีวิตน่าจะเกิดจากการจมน้ำขาดอากาศหายใจ เหตุเกิดเมื่อช่วงบ่าย วันที่ 6 ส.ค. ที่ผ่านมา

เมื่อวันที่ 8 ก.ค. น.ส.อัญชลี จิตรเสนาะ ผอ.ศูนย์สงเคราะห์และฝึกอาชีพเยาวชนจังหวัดศรีสะเกษ เปิดเผยว่า จากเหตุการณ์ดังกล่าว พี่เลี้ยงศูนย์ฯ ได้มีการตรวจเช็กจำนวนเด็กภายในศูนย์ฯ เป็นระยะ กระทั่งพบว่า มีเด็กอีกกลุ่มหนึ่งหายออกจากศูนย์ฯ ไป จึงได้ติดตามสอบถามเด็กๆ ก็พบว่าเด็กๆ ได้แอบออกไปจากข้างหลังศูนย์ฯ เพื่อไปเล่นน้ำ เจ้าหน้าที่จึงตามไปเรียกกลับเข้าศูนย์ฯ และนับรวมพล จึงพบว่า ด.ช.เอ หายไป เจ้าหน้าที่จึงได้ประสานทางกู้ภัยฯ พร้อมทีมนักประดาน้ำมาช่วยค้นหา ถึงได้เจอน้องผู้สูญหาย
ในส่วนของศพเด็กที่เสียชีวิตนั้น ทางศูนย์ฯ ก็ได้ประสานงานไปยังญาติของเด็กแล้ว เบื้องต้นญาติได้แจ้งความประสงค์มาว่า อยากให้ทางศูนย์ฯ ทำพิธีให้ตามขั้นตอนตามประเพณี ส่วนเรื่องการช่วยเหลือเยียวยา ทางศูนย์ฯ ได้ประสานงานไปทางโรงเรียนของน้องที่ทำประกันภัยหมู่ไว้กับทางโรงเรียน ซึ่งอยู่ในระหว่างการตรวจสอบข้อมูลว่าจะอยู่ในเงื่อนไขของการทำประกันหรือไม่ ซึ่งทางศูนย์ฯ เองก็ไม่ได้มีงบประมาณในด้านนี้ แต่ก็จะช่วยรวบรวมที่จะไปเยียวยาครอบครัวน้องในขั้นตอนต่อไป

ในส่วนพื้นที่ของศูนย์ฯ มีเนื้อที่ทั้งหมด 156 ไร่ มีเจ้าหน้าที่ 19 คน มีเด็กในการดูแลอุปการะทั้งหมด จำนวน 34 คน ในบริเวณด้านหลังของศูนย์ฯ จะมีข้อจำกัดเป็นแนวป่า ด้านหลังจะติดแนวห้วยสำราญ ซึ่งไม่สามารถที่จะทำรั้วเป็นแนวยาวได้ เพราะต้องใช้งบประมาณเป็นจำนวนมาก ประกอบกับพื้นที่ดังกล่าว เป็นพื้นที่ประสบปัญหาน้ำท่วมเกือบทุกปี ซึ่งทางศูนย์ฯ มีแนวทางป้องกันและการกำชับเด็กทุกวัน เพราะพื้นที่ของศูนย์ฯ เป็นพื้นที่เปิด เด็กสามารถที่จะเข้าออกในบริเวณของศูนย์ฯ ได้ตลอดเวลา อีกทั้งยังได้กำชับพี่เลี้ยงในการตรวจนับเด็กอยู่เป็นระยะ ซึ่งปกติในช่วงวันจันทร์ถึงศุกร์ เด็กก็จะไปโรงเรียนตามปกติ จะมีเจ้าหน้าที่คอยรับ-ส่ง และมีเจ้าหน้าที่คอยสอนการบ้านเด็ก หลังเลิกเรียนเป็นประจำ จากนั้นก็จะรับประทานอาหาร อาบน้ำ ไหว้พระ สวดมนต์ แล้วเข้านอนเป็นแบบนี้ในทุกๆ วัน
ส่วนข่าวที่บอกว่าเด็กออกมาเล่นน้ำเกือบทุกวันนั้น ทางศูนย์ฯ ขอชี้แจงว่า ในส่วนของวันจันทร์-ศุกร์ เด็กต้องไปโรงเรียน ซึ่งมีเจ้าหน้าที่คอยไปรับไปส่งตามเวลา กลับมาที่ศูนย์ก็มาทำกิจกรรมตามปกติ โดยการควบคุมดูแลของพี่เลี้ยงตลอดเวลา แต่ในช่วงเสาร์-อาทิตย์ ซึ่งเป็นวันหยุด ก็จะมีเฉพาะเจ้าหน้าที่ที่มาเข้าเวร จำนวน 3-4 คน เท่านั้น ซึ่งเด็กๆ ในแต่ละกลุ่ม ก็จะมีกิจกรรมให้ทำในช่วงวันหยุด เด็กๆ ก็จะกระจายไปทำกิจกรรมในทั่วพื้นที่ของศูนย์ฯ ในส่วนของมาตรการควบคุมดูแลทางศูนย์ฯ มีกล้องวงจรปิด 8 ตัว ซึ่งยังน้อยเกินไปสำหรับการสอดส่องดูแลศูนย์ฯ เพราะเป็นพื้นที่ขนาดใหญ่