สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากเมืองคาฮูลูอิ รัฐฮาวาย ประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 22 ส.ค. ว่า ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ผู้นำสหรัฐ และนางจิล ไบเดน สุภาพสตรีหมายเลขหนึ่ง ลงพื้นที่เมืองลาไฮนา ในเขตเมาอิ บนเกาะฮาวาย เมื่อวันจันทร์ ซึ่งเป็นพื้นที่ได้รับความเสียหายอย่างหนัก จากภัยพิบัติไฟป่าที่เกิดขึ้นเมื่อต้นเดือนนี้ คร่าชีวิตประชาชนอย่างน้อย 114 ราย และยังมีผู้สูญหายอีกเป็นจำนวนมาก
ไฟป่าครั้งนี้ ถือว่ามีความเลวร้าย และรุนแรงที่สุดในรอบ 105 ปีของสหรัฐ หรือนับตั้งแต่ภัยพิบัติไฟป่า ที่รัฐมินนิโซตาและรัฐวิสคอนซิน คร่าชีวิตประชาชนรวมกันอย่างน้อย 453 ราย เมื่อปี 2461 และสำนักงานจัดการภาวะฉุกเฉินส่วนกลาง (ฟีมา) ประเมินมูลค่าความเสียหายทางเศรษฐกิจจากไฟป่าครั้งรุนแรงในรัฐฮาวายรอบนี้ อยู่ที่อย่างน้อย 5,500 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 193,545 ล้านบาท)
แม้ชนวนเหตุของไฟป่า มาจากจากอิทธิพลของกระแสลมแรงจากเฮอริเคน ซึ่งไม่เคลื่อนตัวพาดผ่านเกาะฮาวาย อย่างไรก็ตาม มีรายงานบวกกับการวิเคราะห์เช่นกันว่า ความสูญเสียที่เกิดขึ้น อาจไม่มากถึงเพียงนี้ “หากมีการเตือนภัยอย่างมีประสิทธิภาพ” และการบริหารจัดการของหน่วยงานทุกแห่งที่เกี่ยวข้อง
"From stories of grief, we've seen so many stories of hope and heroism, of the 'Aloha Spirit,'" President Biden says during a visit to Hawaii in the aftermath of the Maui wildfires.
— CBS News (@CBSNews) August 21, 2023
"To the people of Hawaii, we're with you for as long as it takes, I promise you," Biden adds. pic.twitter.com/oBi5hPuiK5
ด้านนายโดนัลด์ ทรัมป์ อดีตประธานาธิบดีสหรัฐ ออกมาวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก ว่าไบเดนลงพื้นที่ “สายเกินไป” ขณะที่ทำเนียบขาวกล่าวว่า เป็นเพราะผู้นำสหรัฐ ไม่ต้องการรบกวนการทำงานของเจ้าหน้าที่ภาคสนาม
ทั้งนี้ สำนักงานอัยการรัฐฮาวาย ประกาศการสอบสวน “การตัดสินใจและการบังคับใช้นโยบาย” ที่มีต่อสถานการณ์ไฟป่าครั้งนี้ โดยไม่ได้ระบุอย่างชัดเจน ว่าเป็นการตรวจสอบบุคคลหนึ่งบุคคลใด หรือหน่วยงานแห่งไหน “อย่างเจาะจง” แต่ประชาชนจำนวนหนึ่งรวมตัวยื่นฟ้องร้องต่อบริษัทฮาวาย อิเล็กทริก รัฐวิสาหกิจด้านพลังงานของรัฐ ว่ายังคงปล่อยกระแสไฟฟ้าท่ามกลางไฟป่า ส่งผลกระทบต่อการทำงานของเจ้าหน้าที่.
เครดิตภาพ : AFP