เมื่อวันที่ 23 ส.ค. ศาลรัฐธรรมนูญ (รธน.) ได้มีการประชุมพิจารณาคดีสำคัญๆ หลายเรื่อง ซึ่งมีกรณีคำร้องของนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรคก้าวไกล ที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญมาตรา 82 ว่า สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) ของนายพิธา สิ้นสุดลงตามรัฐธรรมนูญมาตรา 101(6) ประกอบมาตรา 98(3) หรือไม่ เหตุที่เป็นผู้ถือหุ้นในบริษัท ไอทีวี จำกัด (มหาชน) ซึ่งประกอบกิจการหนังสือพิมพ์ หรือสื่อสารมวลชนใดๆ อยู่ในวันที่สมัครรับเลือกตั้ง สส.แบบบัญชีรายชื่อ โดยขอให้ศาล รธน. มีคำสั่งให้ผู้ถูกร้องหยุดปฏิบัติหน้าที่จนกว่าจะมีคำวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 82 วรรคสอง และขอให้ศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งให้ตำแหน่งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของนายพิธาว่างลง นับแต่วันที่ศาล รธน. อ่านคำวินิจฉัยให้แก่คู่กรณีฟังตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 105 วรรคหนึ่ง (2)
นอกจากนี้ ยังมีกรณีคำร้องที่นายธีรยุทธ สุวรรณเกษร (ผู้ร้อง) ขอให้ศาล รธน. พิจารณาวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญมาตรา 49 ว่าการกระทำของนายพิธา หัวหน้าพรรคก้าวไกล (ผู้ถูกร้องที่ 1) และพรรคก้าวไกล (ผู้ถูกร้องที่ 2) ที่เสนอร่าง พ.ร.บ.แก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับ..) พ.ศ. … เพื่อยกเลิกประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 โดยใช้เป็นนโยบายในการหาเสียงเลือกตั้ง และยังคงดำเนินการอย่างต่อเนื่อง เป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพ เพื่อล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 49 วรรคหนึ่งหรือไม่
ซึ่งทั้ง 2 คำร้องนี้ ศาล รธน. ได้พิจารณาวินิจฉัยแล้วเห็นควรอนุญาตให้ขยายระยะเวลายื่นคำชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาออกไปอีก 30 วัน ตามที่ร้องขอเป็นครั้งที่ 2 ทั้ง 2 กรณี.